วันที่ 28 มิถุนายน 2567 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการยื่นหนังสือให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตรวจสอบ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กรณีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติและปกปิดทรัพย์สินไม่ยื่นครอบครองบ้านพักที่ประเทศอังกฤษว่า ขณะนี้ไม่มีความคืบหน้า เป็นเพราะเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่มีลูกน้องกล้าตรวจสอบผู้บังคับบัญชา จึงคิดว่าสำนวนน่าจะถูกแช่แข็ง ทั้งนี้ได้เรียกร้องมาอย่างต่อเนื่องให้เปิดเผยผลการตรวจสอบ แต่ยังไม่มีใครออกมาเปิดเผย หากนายกฯ ให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กลับมาทำงานทั้งที่พัวพันเรื่องนี้ อาจมีความผิดเรื่องจริยธรรมร้ายแรง หากมีผลตรวจสอบออกมาและนายกฯ มีความผิด จะร้อง ป.ป.ช. ต่อไป
นายษิทรา ระบุว่า การแถลงของนายวิษณุ เครืองาม ไม่ได้ระบุว่าใครถูกผิด เพียงแค่แถลงว่ามีการทะเลาะกัน ยังไม่ชัดเจน สิ่งที่ประชาชนอยากรู้คือใครฟอกเงิน ใครรับผลประโยชน์จากเว็บพนันออนไลน์หรือไม่ โดยเฉพาะหากเกี่ยวข้องกับข้าราชการตำรวจระดับสูง นายกฯ ต้องพิจารณาว่าสมควรให้กลับมาปฏิบัติงานหรือไม่ ต้องตรวจสอบหลักฐานเชื่อมโยงและข้อเท็จจริงทั้งหมด ไม่ใช่แค่เรื่องทะเลาะกัน เพื่อเปิดเผยให้ประชาชนรับทราบ เพราะรอมานานกว่า 3-4 เดือนแล้ว
ส่วนมติ ก.ตร.ที่เห็นชอบคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ออกจากราชการ ชอบด้วยกฎหมายนั้น นายษิทรา มองว่า สำนักงานกฤษฎีกาและ ก.ตร. มีความเห็นไม่ตรงกัน เป็นความลักลั่น การเมืองไทยมี 2 มาตรฐาน ส่วนที่นายกฯ ระบุว่ายังต้องรอมติ ก.พ.ค.ตร.อีก 30 วัน เห็นว่าเป็นการดึงเวลา หากผลออกมาภายใน 30 วันก็ยอมรับได้ แต่หากดึงเวลาออกไปเรื่อยๆ ดูจากมติ ก.ตร.แล้วน่าจะมีการหักดีลกัน
นายษิทรา มองว่า กระแสข่าวที่ว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะลาออกเพื่อเปิดทางให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นั้น ก่อนจะลาออก ก็ต้องคืนตำแหน่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ก่อน หากมีการหักดีล แสดงว่ามีคนโดนหลอก ส่วนกระแสข่าวโยก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ไปนั่งปลัด มท. คิดว่าไม่น่าสำเร็จ หากจะย้าย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ก็ต้องเป็นตำแหน่งที่สูงกว่าปลัด มท. ทนายตั้ม ยังกล่าวว่า เรื่องนี้ประเทศชาติเสียหาย เพราะมีการดีลผลประโยชน์กันให้ลงตัว ไม่เคยคิดถึงเรื่องกฎหมายและความยุติธรรม คิดแต่เรื่องสมประโยชน์กันของผู้บริหารระดับสูงหรือพวกที่มีอำนาจเท่านั้น