นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เผยผลประมูลข้าวสารหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ในสต็อกรัฐบาลเป็นการทั่วไปครั้งที่ 1/67 ซึ่งดำเนินการโดยองค์การคลังสินค้า (อคส.) ว่า ได้ให้เอกชนยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวในคลัง พร้อมกันทั้ง 2 หลัง ได้แก่ 1.คลังกิตติชัย หลัง 2 ปริมาณ 11,656 ตัน หรือ 112,711 กระสอบ และ 2.คลังพูนผลเทรดดิ้ง หลัง 4 ปริมาณ 3,356 ตัน หรือ 32,879 กระสอบ รวมทั้งสิ้นประมาณ 15,000 ตัน นั้น มีผู้ยื่นซองเสนอซื้อ 6 ราย จากผู้ที่ผ่านคุณสมบัติ 7 ราย
โดยผู้เสนอราคาประมูลสูงสุดทั้ง 2 คลัง คือ บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด เสนอราคาซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้ง 64 ล้านบาท เฉลี่ยตันละ 19,070 บาท และคลังสินค้ากิตติชัย 222.29 ล้านบาท เฉลี่ยตันละ 19,070 บาท คาดจะมีรายได้เข้ารัฐกว่า 286 ล้านบาท
หลังจากนี้ อคส. จะต่อรองให้เพิ่มราคาสูงขึ้น เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ โดยจะทำให้เสร็จโดยเร็ว และจะสรุปผลเสนอผู้อำนวยการ อคส. เพื่ออนุมัติและแจ้งมาทำสัญญาซื้อขายกับ อคส. และชำระเงินเพื่อรับมอบข้าวสาร โดยกำหนดระยะเวลาขนข้าวออกจากโกดังให้เสร็จภายใน 30 วันหลังทำสัญญา
“ราคาที่ประมูลได้ แสดงว่าผู้ประกอบการเชื่อมั่นในการเก็บข้าวสาร ไม่ว่าจะเก็บมากี่ปี หากเก็บดี คุณภาพก็ยังดี และเชื่อมั่นในคุณภาพข้าวสาร เพราะผ่านการตรวจสอบคุณภาพมาแล้ว ทำให้การเสนอราคาอยู่ในเกณฑ์ดี” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ที่ยังมีหลายคนสงสัยว่าข้าวจะไปไหน จะกระทบต่ออุตสาหกรรมข้าวในภาพรวมหรือไม่นั้น ขอชี้แจงว่าไม่กระทบ เนื่องจากข้าวหอมมะลิฤดูกาลใหม่ยังไม่ออก โดยผลผลิตจะเริ่มออกในเดือน พ.ย. ขณะนี้อยู่นอกฤดูกาล และปริมาณข้าวสารในการประมูลครั้งนี้มีไม่มาก เมื่อเทียบกับจำนวนข้าวสารที่ไทยส่งออกปีละกว่า 8 ล้านตัน
ส่วนข้าวที่ผู้ชนะการประมูล จะนำไปส่งออกนั้น จะต้องปรับปรุงคุณภาพข้าวให้ได้ตามมาตรฐานข้าวหอมมะลิ ของกรมการค้าต่างประเทศ ขณะที่การจำหน่ายในประเทศ ก็ต้องผ่านมาตรฐานของกรมการค้าภายใน และหน่วยงานตรวจสอบอื่น เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นต้น
“วีเอทฯ” เสนอราคาประมูลสูงสุด จากทั้งหมด 6 ราย
สำหรับการเปิดประมูลครั้งนี้ มีเอกชน 6 รายมายื่นเสนอซื้อ และไม่มา 1 ราย คือ บริษัท อุบลไบโอเกษตร จำกัด โดยหลังจากนี้ คณะทำงานรับ-เปิดซองและต่อรองราคาข้าวในสต็อกของรัฐ จะพิจารณาต่อรองราคาเพื่อให้ได้ราคาสูงสุด และจะประกาศผลอย่างเป็นทางการวันที่ 21 มิ.ย.นี้ โดยทั้ง 6 ราย เสนอราคาสูงสุด-ต่ำสุด ดังนี้
1.บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด เสนอราคาซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้ง 64,010,216.32 บาท เฉลี่ยตันละ 19,070 บาท และคลังสินค้ากิตติชัย 222,292,403.22 บาท เฉลี่ยตันละ 19,070 บาท
2.บริษัท ธนสรร ไรซ์ จำกัด เสนอราคาซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้ง 60,482,800 บาท เฉลี่ยตันละ 18,019 บาท และคลังกิตติชัย 209,843,000 บาท เฉลี่ยตันละ 18,019 บาท
3.บริษัท เอส.เอส.เอ็ม.อาร์.การเกษตร จำกัด เสนอซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้งเพียงคลังเดียว 56,088,888 บาท เฉลี่ยตันละ 16,710 บาท
4.บริษัท ทรัพย์แสงทองไรซ์ จำกัด เสนอซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้ง 40,980,000 บาท เฉลี่ยตันละ 12,208 บาท และคลังสินค้ากิตติชัย 182,046,000 บาท เฉลี่ยตันละ 15,617 บาท
5.บริษัท สหธัญ จำกัด เสนอซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้งเพียงคลังเดียว 62,734,711.23 บาท เฉลี่ยตันละ 18,690 บาท
6.บริษัท บี เอ็น เค การเกษตร 2024 จำกัด เสนอซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้ง 53,705,477.77 บาท เฉลี่ยตันละ 16,000 บาท และคลังสินค้ากิตติชัย 186,506,473.60 บาท เฉลี่ยตันละ 16,000 บาท