ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเรือน้ำมันเถื่อนของกลาง 3 ลำ ได้แก่ เรือเจ.พี. เรือซีฮอต และเรือดาวรุ่ง ซึ่งบรรทุกน้ำมันเถื่อนรวมกว่า 330,000 ลิตร พร้อมลูกเรือรวม 18 คน ได้หายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.) เวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำสามารถติดตามและควบคุมเรือของกลางทั้ง 3 ลำกลับเข้าสู่น่านน้ำไทยได้แล้ว
พล.ต.ต.พฤทธิ์พงศ์ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ เปิดเผยว่า ตำรวจน้ำได้ประสานกับประเทศเพื่อนบ้าน จนพบเรือของกลางทั้ง 3 ลำบริเวณพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษจำเพาะ 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย กัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า น้ำมันบางส่วนหายไป ลูกเรือเหลือเพียง 8 คนจากเดิม 16 คน และที่ตัวเรือพบว่ามีการพยายามอำพรางเปลี่ยนแปลงสีเรือ โดยเชื่อว่าเรือทั้ง 3 ลำน่าจะเข้าเทียบท่าที่กัมพูชาก่อนหน้านี้ ลูกเรือบางส่วนลงจากเรือไป และน้ำมันบางส่วนหายไปด้วย แต่จากการประสานกับต่างประเทศ ทำให้ทราบและสามารถติดตามพบเรือได้ ซึ่งขณะนี้กำลังนำเรือกลับเข้าฝั่ง คาดว่าจะถึงท่าเรือตำรวจน้ำ 7 สงขลา ไม่เกินเที่ยงวันนี้ (17 มิ.ย.)
ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยืนยันว่า ตำรวจพยายามอย่างเต็มที่ในการติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี ไม่ว่าจะเป็นใครหากมีหลักฐานก็จะดำเนินการตามกฎหมาย โดยเฉพาะหากเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพล ยิ่งต้องเดินหน้าเอาผิดถึงที่สุด ส่วนผลการสอบสวนตำรวจน้ำที่ดูแลรับผิดชอบเรือทั้ง 3 ลำ จะให้เวลา 30 วัน และกำชับให้เร่งรายงานความคืบหน้าภายใน 7 วัน หากมีการกระทำผิดก็จะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป และประเมินเบื้องต้นว่าตำรวจน้ำ 3-4 นายน่าจะบกพร่องต่อหน้าที่จนทำให้เสียหายต่อราชการอย่างร้ายแรง
ทั้งนี้ ตำรวจพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันแถลงรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ (17 มิ.ย.) เวลา 12.00 น. ที่สถานีตำรวจน้ำกอง 7 สงขลา
