คัดลอก URL แล้ว
พ่อ-แม่น้องไนซ์ ร้อง พม. ขอความคุ้มครองถูกใส่ร้าย

พ่อ-แม่น้องไนซ์ ร้อง พม. ขอความคุ้มครองถูกใส่ร้าย

หลังเมื่อวานนี้ (3 มิ.ย.) เกิดความชุลมุนที่ สน.ทองหล่อ จากกรณีที่ ครอบครัวเชื่อมจิต ทั้งคุณพ่อ แม่ และน้องไนซ์ ไปรับทราบข้อกล่าวหา ที่ คุณหนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรชื่อดัง ได้ไปแจ้งความเอาไว้ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณ ล่าสุด วันนี้ครอบครัวลัทธิเชื่อมจิต เดินทางไปกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อร้องเรียนว่า ถูกใส่ร้ายจากสื่อ และกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดี

บรรยากาศการเดินทางมาที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ของ น้องไนซ์ และครอบครัว เพื่อยื่นหนังสือขอความคุ้มครอง โดยอ้างว่า น้องไนซ์ และครอบครัวถูกใส่ร้าย จากสื่อมวลชน และกลุ่มบุคคลไม่หวังดี ทำให้ได้รับความเสียหาย ทำให้อับอาย อันเป็นการลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สน.นางเลิ้ง มาคอยดูแลรักษาความปลอดภัยด้วยเช่นกัน จำนวน 8 นาย

ยังมีกลุ่มคนที่ศรัทธาครอบครัวเชื่อมจิต วันนี้ก็เดินทางมาร่วมให้กำลังใจ พร้อมกับเตรียมช่อดอกไม้มาให้ โดยแต่ละคนดูมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างใด

อย่างคุณลุงท่านนี้ เดินทางมาตั้งแต่ช่วงเช้า พร้อมกับช่อดอกกุหลาบสีชมพู เพื่อให้กำลังใจ โดยคุณลุงบอกว่า ตนติดตามครอบครัวเชื่อมจิต มา 2 ปี แล้ว และยืนยันไม่เคยเสียเงินสักบาท หลังมีกระแสโจมตีว่า ทางพ่อแม่ พาน้องไนซ์มาหากิน

ส่วนเมื่อวานนี้ (3 มิ.ย.) ที่ สน.ทองหล่อ คุณลุงบอกว่า ติดตามข่าวแล้วก็ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร กลับสบายใจ เพราะ “อาจารย์น้องไนซ์” ไม่ได้พูดอะไรโกหก พูดแต่ความจริง จึงมองว่า หากอยู่ในสังคมประชาธิปไตย หากนำความจริงมาพูดกันก็คงไม่มีปัญหาอะไร

ส่วนหญิงอีก 1 คน ที่ประกอบอาชีพครูก็เดินทางมาร่วมให้กำลังใจน้องไนซ์และครอบครัวเช่นกัน โดยบอกว่า วันนี้ตนรู้สึกสบายใจมาก ที่วันนี้มาให้กไลังใจน้องไนซ์ เพราะเชื่อว่า น้องไนซ์ ไม่เคยโกหก เพื่อหลอกเอาเงินกับผู้ศรัทธา พร้อมเล่าว่า ตนเคยโดนน้องไนซ์เอานิ้วแตะหน้าผาก แต่ทุกคนจะต้องผ่านการทำวิปัสสนาก่อน ถึงจะเข้าถึงได้ และส่วนตัว ตนเพิ่งอยู่ในขั้น “ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก” เพราะเพิ่งมาเจอน้องไนซ์

ส่วนที่ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เคยออกมายืนยันว่า การเชื่อมจิต ไม่มีอยู่จริง คุณผู้หญิงคนนี้ มองว่า เป็นเรื่องของคำศัพท์ที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย เพียงแต่มีจุดประสงค์ที่ฟังแล้วเข้าใจง่าย

นอกจากนี้ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรือ อี้ แทนคุณ อดีต ส.ส.กทม.  อดีตเลขานุการคณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎรไทย และ รักษาการประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างประเทศ พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาที่กระทรวงฯ ด้วยเช่นกัน โดยบอกว่า ตนต้องการแสดงเจตนารมย์ให้กระทรวง พม. ได้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็วขึ้น พร้อมบอกว่า บรรยากาศที่ สน. ทองหล่อเมื่อวานนี้ (3 มิ.ย.) ประชาชนที่ไปติดตามสถานการณ์ค่อนข้างไม่พอใจ และไม่สบายใจ จากเรื่องราวที่เกิดขึ้น ยืดยื้อยาวนานเกินไป ย้ำว่า ไม่ได้ต้องการทำให้เด็กเป็นศัตรูของสังคม หรือเป็นตัวประหลาด แต่เพียงต้องการช่วยคุ้มครองเด็ก ทำให้เด็กอยู่ได้ในสังคมต่อไป เพราะขณะนี้ทางครอบครัว ถือเป็นภัยของสังคม โดยเฉพาะการตีความหมายกฎหมาย พ.ร.บ. คุ้มครองเด็กไปในทางที่ผิด อย่างการฟ้องร้องสื่อ หรือผู้ที่นำรูปลูกของตนไปเผยแพร่ ทั้งที่ พ่อแม่ เป็นคนแรกที่นำภาพลูกมาลงโซเชียล จึงอยากให้หยุดพฤติกรรมนี้ และเด็กต้องได้รับความคุ้มครองจากครอบครัวที่มีปัญหา ทั้งเด็กและครอบครัวต้องได้รับการบำบัดที่เร็วที่สุด ไม่ควรใช้เด็กเป็นโล่ป้องกันอยู่ตลอดเวลา ทำให้สื่อมวลชนทำหน้าที่ไม่ได้

เมื่อถามว่า ทางครอบครัวดูจะมีการลดราวาศอกหรือไม่ นายแทนคุณ บอกว่า ดูจากสถานการณ์น่าจะรุนแรงยิ่งขึ้น สิ่งที่พ่อแม่ทำกับเด็กเลวร้ายถึงขั้นสุด ต้องกลายเป็นตัวตลก ถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อนหรือสังคม และข่าวที่อยู่ในอินเตอร์เน็ตก็จะยังอยู่ตลอดชีวิต ตนจึงต้องหยุดพฤติกรรม และสุดท้ายคนที่ต้องติดคุกคือ พ่อแม่ ส่วนคนที่เสียใจและเจ็บปวดที่สุดก็คือลูก ที่ต้องถูกพลัดพราก

พฤติกรรมที่เกิดขึ้นมันเกิดขอบเขตพ่อแม่รังแกลูก แต่เป็นการก่ออาชญากรรมเด็กอย่างช้าๆ แบบเลือดเย็น ซึ่งตนก็คิดภาพไม่ออกเลยว่า วันนึงเด็กจะทนกระแสสังคมไม่ไหว คิดสั้น และฆ่าตัวตาย เพราะตนเชื่อว่าเรื่องนี้จบไม่สวยแน่นอน ย้ำว่า ไม่ใช่เรื่องแก้แค้น เพื่อความสนุก ตนทำงานเกี่ยวกับเด็กมา 20 ปีรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เป็นสภาวะปกติ

ขณะที่ทาง กระทรวง พม. โดย นางอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน บอกว่า พ่อและแม่ของน้องไนซ์ ได้นำหนังสือมายื่นต่อเจ้าหน้าที่เพียงเรื่องเดียว ให้ตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ พม. จ.สุราษฎ์ธานี สืบเนื่องจากมีเจ้าหน้าที่เข้าไปที่บ้าน ส่วนรายละเอียดอยู่ในเอกสาร แต่เบื้องต้น ได้กำชับให้พ่อแม่คำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของเด็กเป็นหลัก ซึ่งทางพ่อแม่ก็รับปากว่าจะดูแลเด็กเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตามทางครอบครัวน้องไนซ์ ไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด ทั้งช่วงที่เดินทางมา ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยคุ้มกันให้เดินเข้าไปภายในกระทรวง ส่วนเมื่อยื่นหนังสือเสร็จ รถของครอบครัวน้องไนซ์ ก็รีบขับออกไป คาดว่า หลบให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน


ข่าวที่เกี่ยวข้อง