นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราชและรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแนวความคิดของรัฐบาล ในการกำหนดให้ผู้ครอบครองยาบ้า 1 เม็ดเป็นผู้เสพ ว่า ตนเห็นข่าวที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเรื่องสำคัญที่พิจารณาก็คือ การพิจารณามาตรการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยเฉพาะการแก้ไขปริมาณการครอบครองยาบ้าจาก 5 เม็ด เหลือเพียง 1 เม็ด ให้เป็นผู้เสพนั้น ถือว่า นายเศรษฐา และรัฐบาล ได้น้อมนำข้อท้วงติง พร้อมกับข้อเสนอแนะของตนและประชาชนมาปรับปรุงแก้ไขดำเนินการ เพราะต้องยอมรับว่า การกำหนดให้ปริมาณยาบ้า 5 เม็ด ให้เป็นผู้เสพนั้น ได้สร้างปัญหาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปราบปราม เพราะผู้ต้องหาที่ถูกจับได้มักจะอ้างในเรื่องนี้ รวมทั้ง ตัวของนายเศรษฐาเอง ก็ยอมรับว่า เวลาลงพื้นที่ตามจังหวัดต่างๆ ประชาชนต่างมาร้องทุกข์ถึงเรื่องนี้ด้วยความไม่สบายใจ เพราะฉะนั้น การที่นายกรัฐมนตรี ประกาศว่าจะแก้ไขกฎกระทรวง เพื่อกำหนดให้เหลือเพียง 1 เม็ด เป็นความคิดที่เหมาะสม และรัฐบาลควรรีบที่จะดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว
นายชัยชนะ กล่าวต่อว่า ส่วนการดำเนินการบำบัดผู้ติดยาเสพติดนั้น ในที่ประชุมดังกล่าว ได้มีการเสนอเรื่องการใช้ค่ายทหารบำบัดผู้ติดยาเสพติด โดยมีวิธีการคือ ให้มีการพูดคุยกันระหว่างกระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุขและฝ่ายปกครองว่าจะทำอย่างไร และหลังจากนั้น จะมีการดำเนินการทดลองเป็นตัวอย่างหนึ่งค่าย เป็นระยะเวลา 3 – 6 เดือน แล้วไปเผยแพร่ให้กับค่ายอื่นๆ นั้น ตนไม่ทราบว่า รัฐบาลหลงลืมหรืออย่างไร เพราะจริงๆ ภายในค่ายทหารต่างๆ ก็จะมีโรงเรียนวิวัฒน์พลเมือง ซึ่งทำหน้าที่บำบัดผู้ติดยาเสพติด และคืนคนดีสู่สังคม อยู่หลายแห่ง เพราะฉะนั้น ถ้าพูดกันภาษาทั่วไปแล้ว ในเมื่อมีของดีอยู่กับตัว ก็ควรนำมาปรับปรุงแก้ไขและนำมาต่อยอดใช้ประโยชน์จากตรงนั้นให้มากที่สุด รวมทั้ง ตามที่ตนได้เสนอปัญหาไปแล้วว่า ขณะนี้สถานบำบัดที่เหมาะสมยังมีไม่เพียงพอ โดยวิธีการส่วนใหญ่ก็คือ การนัดตัวผู้ที่บำบัดมาตรวจร่างกาย และจ่ายยารักษาเหมือนกับคนไข้ปกติ เมื่อไม่ได้กินยาหรือไม่มีมาตรการควบคุมตัวผู้บำบัดที่ดีพอ ก็จะเกิดอาการคลุ้มคลั่งทำร้ายบุคคลรอบข้าง ดังนั้น การนำกระบวนการของโรงเรียนวิวัฒน์พลเมือง มาปรับใช้ในค่ายทหารอื่นๆ โดยอาจจะนำพื้นที่บางส่วน หรืออาจจะปรับใช้เป็นสถานบำบัดผู้ติดยาเสพติดในช่วงที่ว่างเว้นจากการฝึกของทหาร ก็จะทำให้มีสถานบำบัดผู้ติดยาเสพติดมีมากขึ้น
นายชัยชนะ กล่าวด้วยว่า สำหรับในเรื่องของการปราบปรามผู้ค้าและผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้น นอกจากการสนับสนุนงบประมาณในการจัดหาเครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อให้เท่าทันกับเล่ห์เหลี่ยมของคนร้ายที่พัฒนามากขึ้นแล้ว ตำแหน่งที่คอยอำนวยความสะดวกในการปราบปรามยาเสพติดก็คือ ตำแหน่งพนักงานสอบสวนซึ่งขาดแคลนเป็นจำนวนมาก โดยจากการที่ลงพื้นที่ทั่วประเทศ ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละโรงพัก ก็ออกมาเรียกร้องให้ทางคณะกรรมาธิการฯ ทำหน้าที่ในการเสนอไปยังรัฐบาล เพื่อดำเนินการจัดสรรเจ้าหน้าที่ตำรวจสายงานสอบสวนโดยเร็ว เพราะฉะนั้น นายเศรษฐา ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ควรที่จะดำเนินการในการสรรหาหรือดำเนินการเปิดสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจสายงานสอบสวนให้มีจำนวนเพียงพอต่อการปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรัฐบาล มีความตั้งใจที่จะทำงานร่วมกับประชาชนทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทยแล้ว ก็ควรรีบดำเนินการสรรหาหรือจัดการสอบตำรวจสายงานสอบสวนโดยเร็วที่สุดด้วย
“จากการที่ผมเคยนำเสนอ ถึงนายกรัฐมนตรี เรื่องขอให้แก้ไขกฎหมายการครอบครองยาบ้าสำหรับผู้เสพ จาก 5 เม็ด ให้เหลือ 1 เม็ดนั้น ผมต้องขอขอบคุณท่านนายกฯ ที่น้อมนำขอท้วงติงของประชาชน และภาคส่วนการเมือง มาปรับปรุงแก้ไข เพราะเชื่อว่า นายกฯ คงเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญและรับฟัง จนนำไปสู่การแก้ไข ส่วนสิ่งที่ผมอยากจากฝากไปยังรัฐบาล ในเรื่องการจัดหาสถานที่บำบัด ภายหลังจากการแก้ไขจำนวนการครอบครอง จาก 5 เม็ด เหลือ 1 เม็ด แล้วนั้น เดิมทีในที่ประชุมฯ ได้มีการตกลงกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงกลาโหม ว่า จะใช้ค่ายทหาร มาเป็นสถานที่บำบัดเพิ่มเติม ซึ่งในข้อเท็จจริงขณะนี้ ที่บำบัดยังไม่เพียงพอ ผมก็เลยนำเสนอว่า ให้ใช้ค่ายทหารมาเป็นที่บำบัด และนำแนวทางของโรงเรียนวิวัฒน์พลเมือง มาใช้ในการบำบัดผู้ติดยาเสพติดเพิ่มเติม และที่สำคัญในฐานะที่ผมเป็นประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ ฯ อยากฝากว่า เมื่อแก้ไขจนเหลือ 1 เม็ด และสามารถหาที่บำบัดได้แล้ว สิ่งที่ต้องแก้ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็คือ อัตรากำลังของพนักงานสอบสวนที่ยังว่างอยู่ เราจะเห็นได้ว่า พนักงานสอบสวนมีอัตราว่างมากยิ่งขึ้น สวนทางกับคดีที่เพิ่มขึ้นหลังจากแก้ไขให้ผู้เสพสามารถครอบครองยาบ้าได้เพียง 1 เม็ดเท่านั้น ดังนั้น ถ้าไม่เพิ่มอัตราพนักงานสอบสวนขึ้นไปแล้ว คดีอาจจะมีความล่าช้า ดังนั้น ในฐานะที่นายกฯ เป็นประธาน ก.ตร. และเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยงานนี้โดยตรงแล้ว ก็ควรที่จะเพิ่ม หรือเร่งหาอัตรากำลังเพิ่มเติมอย่างเร่งด่วน” นายชัยชนะกล่าว