ที่โรงงานเก็บกากสารเคมีอุตสาหกรรมวินโพรเสส อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง จากการตรวจสอบพบว่าหลังไฟไหม้มีสารเคมีรั่วไหลลงสู่บ่อน้ำภายในโรงงาน และมีสภาพน้ำที่ปนเปลื้อนสารเคมี ซึ่งกลายเป็นข้อกังวลของชาวบ้านว่า หากเกิดฝนตกลง น้ำเสียเหล่านี้จะไหลซึมลงในพื้นดินและไปรวมกับแหล่งน้ำสาธารณะ
ขณะที่รถแบ็คโฮหลายคัน เร่งขุดบ่อน้ำจำนวน 3 บ่อ ภายในโรงงาน และเสริมคันดินรอบบ่อให้สูงขึ้น เตรียมความพร้อมรับมือ ป้องกันไม่ให้สารเคมีภายในโรงงานรั่วไหลออกนอกพื้นที่
นายก อบจ.ระยอง บอกว่า ก่อนหน้านี้ขุดไปแล้ว 2 บ่อ แต่ไม่เพียงพอ เพราะบ่อที่ขุดแล้วก็พบว่ามีน้ำสารเคมีซึมทะลักเข้าถึงแล้วทุกบ่อ ทำให้ต้องวางแผนการขุดบ่อเพิ่มเติมเพื่อกักเก็บน้ำทั้งหมด ให้แล้วเสร็จก่อนที่ฝนจะตกลงมา แต่สิ่งที่กังวลต่อมาคือ กากสารเคมีทั้งหมดที่เคยมีหลังคาคลุมไว้ เมื่อหลังคาถูกไฟไหม้ไปแล้ว ถ้าฝนตกลงมา สารเคมีจะไหลไปไหน
ขณะที่ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมประชุมรับฟังปัญหากับผู้นำท้องถิ่น ชาวบ้านในพื้นที่ และลงพื้นที่สำรวจภายในโรงงาน บอกว่ารับไม่ได้กับสภาพที่ชาวบ้านกำลังเผชิญอยู่ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องสุขภาพ จะนำข้อเรียกร้องของชาวบ้าน ไปสะท้อนให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาโดยด่วน
ไม่เพียงแต่พื้นที่อำเภอบ้านค่าย แต่ภายในซอยวัดโขดหิน ตำบลมาบตาพุด ใจกลางอำเภอเมืองระยอง ยังพบโรงงานเก็บสารเคมีเช่นเดียวกัน โดยเป็นของบริษัท วิน โพรเสส จำกัด แต่ปิดกิจการไปหลายปีแล้ว เมื่อตรวจสอบภายในยังพบสารเคมีจำนวนมาก กระจายเก็นอยู่ใน 2 โกดัง ลักษณะเดียวกับโรงงานที่เกิดเพลิงไหม้ มีป้ายเขียนกำกับชื่อสารเคมี ประกอบด้วย สารเมทานอล , น้ำมันเตา และกากตะกอนน้ำมัน
ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง สั่งการแจ้งความกับเจ้าของข้อหาครอบครองวัตถุอันตราย และให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบว่ามีสารเคมีอันตรายประเภทใดบ้าง ก่อนจะขนย้ายออกจากพื้นที่ ป้องกันเหตุไฟไหม้ซ้ำ