จากเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บสารเคมี ริมถนนสายอุทัย-ภาชี หมู่ 2 อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยาเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (1 พ.ค. 67) และเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงได้ระดับหนึ่ง ตั้งแต่ช่วง 5 ทุ่มที่ผ่านมา
หลังเกิดเหตุ โรงพยาบาลภาชี ได้ประกาศปิดชั่วคราว พร้อมเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่รักษาตัวใน รพ.ภาชี กว่า 40 คน ไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียง ทั้ง รพ.ท่าเรือ รพ.สมเด็จพระสังฆราช รพ.วังน้อย และ รพ.อุทัย เพื่อป้องกันการสูดดมสารเคมีเนื่องจากโรงพยาบาลอยู่ห่างจากโรงงานเพียง 600 เมตร พร้อมออกประกาศ
ว่าจากเหตุดังกล่าว ทำให้โรงพยาบาล ได้รับผลกระทบ ขอปิดการให้บริการชั่วคราวทุกแผนก หากเจ็บป่วยฉุกเฉินให้ไปรับบริการที่โรงพยาบาลใกล้เคียง เจ็บป่วยทั่วไป ให้ไปรับบริการที่รพ.สต.ใกล้บ้าน หรือโรงพยาบาลสนามวัดโคกม่วง หากสถานการณ์ปกติและพร้อมให้บริการจะประชาสัมพันธ์ให้ทราบต่อไป
ด้าน นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เช้านี้ก็ได้ลงพื้นที่โรงงานเกิดเหตุ พร้อมเผยว่า ตอนนี้เปลวเพลิงควบคุมได้หมดแล้ว แต่ยังมีบางจุด ในโกดัง 4 และ 5 ที่ยังมีจุดความร้อนอยู่ ซึ่งแผนวันนี้ จะวัดความร้อนจากโดรนของสมาคมตอบโต้ภัยพิบัติ ที่จะบินสำรวจตัวโกดังที่เกิดเพลิงไหม้ 3 โกดัง และใช้รถหอน้ำดับเพลิงความสูง 35 เมตรพยายามฉีดน้ำควบคุม และขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานรถหอน้ำที่มีความสูง 90 เมตร เข้าพื้นที่เพิ่ม เบื้องต้นจะยังไม่ให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าไปด้านใน เพราะยังต้องประเมินความปลอดภัยอาคารหลังเพลิงไหม้อยู่
ส่วนสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ ทางทีมจากสาธารณสุขในพื้นที่ได้ให้ทยอยให้ทีมแพทย์ , พยาบาล , อสม. ออกไปดูแลประชาชนตามครัวเรือนในรัศมี 1-3 กม. ว่าได้รับผลกระทบหลังเกิดเหตุหรือไม่ แต่เบื้องต้นจากการรายงานของ ผอ.โรงพยาบาลภาชี ยังไม่มีคนไข้เข้ารักษาตัว หรือมีอาการเกี่ยวข้องกับเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว
ส่วนสารเคมีที่เหลือจะขนย้ายอย่างไร วันนี้จังหวัดจะคุยกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมอีกครั้ง จะสอบถามแผนการขนย้ายว่าจะเริ่มดำเนินการเมื่อไหร่ และระหว่างที่รอการขนย้ายในช่วงนี้ จะดำเนินการอย่างไรบ้าง ใครจะดูแลกากเคมีเหล่านี้ และมาตรการดูแลการปนเปื้อนหากไหลออกสู่ธรรมชาติอย่างไร ซึ่งต้องดูเป็นพิเศษ ซึ่งพื้นที่โรงงานแห่งนี้ เป็นพื้นที่ที่ถูกยึดอายัดไว้ เป็นของกลางระหว่างดำเนินคดี พื้นที่อยู่ในอำนาจของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ส่วนทางคดีจะเป็นในอำนาจของตำรวจ บก.ปทส. ซึ่งจังหวัดเคยเร่งรัดไปแล้ว 2 ครั้ง ว่าให้นำกากเคมีออกจากพื้นที่โดยเร็ว ก่อนที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ คงต้องรอฟังจากทางกรมโรงงานฯ
แต่ล่าสุด ทราบว่าเบื้องต้นกรมโรงงานฯ ได้รับงบประมาณเบื้อนต้น 6.9 ล้าน สำหรับขนย้ายกากเคมี และจะมีการของบกลางทราบว่าตัวเลขประมาณ 20 กว่าล้านบาท
ในวันนี้หากโฟมที่ฉีดไว้ด้านในเซตตัวเรียบร้อย และหากประเมินเกิดความปลอดภัยแล้ว กองพิสูจน์หลักฐานจะเข้าไปทำงานด้านในได้ ก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุมาแล้วหนึ่งครั้งเมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา และได้ดำเนินการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่ม ทำให้เห็นอะไรบางอย่าง แต่ต้องพิสูจน์ทราบอีกครั้งว่าเกี่ยวข้องไหม เพราะช่วงก่อนเกิดเหตุประมาณ 3-4 โมงเย็นวานนี้ พบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบบริเวณรอบๆ จากนั้นมีเหตุเพลิงไหม้ตอน 6 โมงเย็น ซึ่งจะมีการไล่กล้องอีกครั้งว่ามีการเข้ามาในโรงงาน หรือมีใครมาลักลอบวางเพลิงหรือไม่ เพราะโรงงานนี้เข้าได้แทบทุกด้าน
ส่วนข้อสงสัยว่า โรงงานนี้จะเชื่อมโยงกับโรงงานกากเคมี จ.ระยองหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบว่าเชื่อมโยงไหม แต่ข้อมูลที่มีอยู่แล้ว พบชื่อผู้นำกากเคมีมา มีความเกี่ยวเนื่องกัน ทั้งกับเหตุเพลิงไหม้โรงงานกากเคมีที่ จ.ระยอง และที่อ.อุทัย ก่อนหน้านี้ด้วย ต้องรอตรวจสอบกันอีกครั้ง
ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ ที่พาครอบครัวมารับยาที่โรงพยาบาลสนามของโรงพยาบาลภาชีวันนี้ ก็มีความกังวลใจกับเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว พร้อมฝากถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งเคลียร์สารเคมีออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุดเนื่องจากมีความกังวลว่าจะมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ส่วนโรงพยาบาลภาชี จะกลับมาให้บริการตอนไหนนั้น ผู้อำนวจการโรวพยาบาลเปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุมีการประเมินสถานการณ์ทุกวัน หากเพลิงสงบไม่ลุกไหม้ขึ้นมาอีก คาดว่าจะใช้เวลา 3-5 วัน น่าจะเปิดทำการได้ปกติ
ซึ่งระหว่างนี้ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่มีนัดรักษากับทางโรงพยาบาลภาชี ทีมแพทย์พยาบาลได้ติดตามจ่ายยาให้คนไข้ ซึ่งหากคนไข้มีข้อสงสัยมีปัญหาต่างๆ ก็สามารถเดินทางมาเข้ารับบริการที่ศูนย์แพทย์สนามวัดโคกม่วงได้ทันที ช่วงบ่ายวันนี้ทราบว่าเจ้าหน้าที่จากกรมโรงงานอุตสาหกรรมจะเดินทางลงพื้นที่จุดเกิดเหตุด้วย