วันที่ 28 เมษายน 2567 พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ตอบคำถามถึงกรณีปัญหาความขัดแย้งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มองว่านายกรัฐมนตรีเอาอยู่หรือไม่ ว่า “ก็นายกฯเป็นตัวปัญหาเอง นายกฯไปตั้งทำไมไอ้ต่อมีความรู้อะไร ผิดทั้งนายกฯเศรษฐา ผิดทั้งนายกฯประยุทธ์ 7-8 ปี ตั้งแต่ไอ้ต่อเลื่อนตำแหน่งทุกปี ไม่มีความรู้เหมือนเด็กพาสชั้น ไม่เคยทำงาน อนุบาลขึ้นชั้นประถมเลยสอบตก ขึ้นมาได้ทำงานหรือไม่ ใครรับผิดชอบ ประยุทธ์บอกจะปฏิรูปตำรวจ และนี่คือผลของรัฐบาลที่แล้ว รัฐบาลนี้ยังไม่รู้เลยจะปฏิรูปยังไง ก็เกิดปัญหาแล้วต้องมานั่งแก้ปัญหากันวุ่นวาย ต่ายก็กัดกันอย่างกับหมา”
พร้อมมองว่า การปฏิรูปจริงๆ แล้วตำรวจก็ต้องปฏิรูป ประเทศก็ต้องปฏิรูป ซึ่งยุทธศาสตร์ 20 ปี ชื่อดี แต่จะปฏิรูปยังไง ก็ต้องเริ่มจากปฏิรูปคนในชาติให้เป็นคนดีมีความรู้ความสามารถซื่อสัตย์สุจริต รักประเทศชาติ ให้ช่วยกันพัฒนาชาติไม่คอรัปชั่น แต่นี้ไม่คิดปฏิรูปคนในชาติเลย ซึ่งการปฏิรูปที่ยั่งยืนถาวรควรจะปฏิรูปคน เพราะคนฉลาดกว่าก็จะทำได้ดีกว่า
พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวถึง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ด้วยว่า เมื่อเขาพอมาแทนผมก็ยกเลิกเรื่องการรับตำรวจที่มีความรู้ “เพราะมันโง่ แต่เสือกมาเป็นรองนายกแล้วถูกเขาด่า สภาก็ไม่มา อายเขาเสียชื่อมาถึงตนเองด้วย”
ส่วนเรื่องของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. จะจบอย่างไรเพราะมาคดีความทั้งคู่นั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มองว่า ประชาชนจะต้องแยกให้ออก ระหว่างพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกดำเนินคดี กับเรื่องถูกให้ออกจากราชไว้ก่อน อย่างที่ถูกดำเนินคดีเรื่องฟอกเงินส่งสำนวนไป ป.ป.ช..แล้ว ก็เป็นเรื่องของป.ป.ช.ไต่สวน จะผิดหรือถูกไม่รู้ ซึ่งเป็นเรื่องของคดีอาญา ก็ต้องใช้เวลาอีกนาน ส่วนให้ออกจากราชการไว้ก่อนทำได้หรือไม่
เพราะการที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการผบ.ตร. ไม่รู้สมคบกับนายกฯเศรษฐา ให้ออกจากราชไว้ก่อนผิดกฎหมายหรือไม่ต้องมาดูตรงนี้ ซึ่งตนเองมองว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ไม่มีอำนาจให้ออกจากราชการ อย่าไปดูกฎหมายสั้นๆ ว่า ถ้าตำรวจถูกดำเนินคดีอาญาแล้วผู้มีอำนาจสั่งให้ออกจากราชการได้ มีอำนาจก็จริง แต่ก็ต้องเป็นไปตามกฎ ก.ตร. จะสั่งให้ออกเลยไม่ได้ ซึ่งกฎ ก.ตร. ระบุไว้ว่า หากข้าราชการตำตรวจถูกดำเนินคดีอาญาถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนสั่งให้ออกจากราชการได้กรณีหนึ่งกรณีใด เช่น สร้างความเสียหายต่อระบบราชการ ยุ่งเหยิงต่อพยานหลักฐาน ให้สินบนพนักงานสอบสวนหรือไม่ แต่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อยู่สำนักนายกฯ ไม่ได้ทำอะไรเสียหายเลย
แล้วที่อ้างว่าหากอยู่ต่อไป การพิจารณาคดียังไม่แล้วเสร็จ ทั้งที่ยังไม่ได้สอบสวน ยังไม่ได้ให้การเลย นั้นหากดูตาม พรบ.ตำรวจใหม่ปี 65 นั้น พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ ก็คงไม่ได้อ่าน เพราะกฎหมายระบุไว้ว่า หัวหน้าพนักงานสอบสวนต้องเสนอว่ามีอุปสรรคทำให้คดีไม่แล้วเสร็จอย่างไร จึงเห็นควรให้ออกจากราชการ ผู้มีอำนาจคิดเองไม่ได้ ซึ่งรับรองได้ว่าผิดแน่นอน
เมื่อถามว่าต้องมีคนรับผิดชอบหรือไม่จะเป็นนายกรัฐมนตรี หรือ รักษาการผบ.ตร. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตอบว่า ก็ต้อง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เพราะเป็นคนออกคำสั่ง แต่นายกฯ ไปร่วมมือกับเขาหรือไม่ก็คงต้องไปตรวจสอบ เพราะนายกฯ ก็เรียกพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และตั้งคณะกรรมการสอบสวน “แต่สอบยังไม่เสร็จส่งกลับมาได้อย่างไร ส่งกลับมาให้ทางนี้ฆ่าหรือไม่ ผมคนนอกยังคิดได้เลยว่าร่วมมือด้วยหรือไม่” ดังนั้นมองว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สามารถฟ้องได้
เมื่อถามว่ามีใครกระเหี้ยนกระหือรืออยากเป็นผบ.ตร.หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุว่า “ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น ผมฟันธงให้100% สุรเชษฐ์ ชนะเรื่องให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพราะแค่ดูข้อกฎหมายทำได้หรือไม่ได้ ส่วนเรื่องคดีผมไม่รู้ไปฟอกเงินจริงหรือไม่มันคนละเรื่อง”
ส่วนพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะกลับมาทันช่วงเดือนกันยายนหรือไม่นั้น มองว่า ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการอุทธรณ์คำสั่ง ซึ่งมีเวลา 240 วัน ก็อาจจะไม่ทันนอกจากคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เข้าใจประเด็นว่าเรื่องนี้พิจารณาข้อกฎหมายอย่างเดียวว่าทำได้หรือไม่
หรืออีกอย่าง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อาจจะไปร้องเรียนนายกฯว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ สั่งให้ออกโดยไม่ชอบ และตอนนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็ยังเป็นรองอยู่จนกว่าจะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ซึ่งหากมีการร้องเรียนไปที่นายกณ หากนายกเสนอโปรดเกล้าก็ตาย เสนอโปรดเกล้าไม่ได้ มีทางออกเดียวคือ นายกฯต้องสั่ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ให้ยกเลิกคำสั่ง ซึ่งถ้ามีคำสั่งไปนี้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐก็ตายแล้วเช่นกัน
พร้อมยืนยันตนเองไม่ได้เข้าข้าง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แต่เป็นการพูดข้อเท็จจริงให้ฟัง