คัดลอก URL แล้ว
ป.ป.ช. มติ 4:1 ไม่คืนสำนวนคดี “บิ๊กโจ๊ก” เอี่ยวเว็บพนันเครือข่ายมินนี่ ให้ตร. 

ป.ป.ช. มติ 4:1 ไม่คืนสำนวนคดี “บิ๊กโจ๊ก” เอี่ยวเว็บพนันเครือข่ายมินนี่ ให้ตร. 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเมื่อวันที่ 4 มี.ค.2567 ให้รับพิจารณาคดีกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกับพวก รวมห้านาย เรียกรับเงินซึ่งพัวพันกับเว็บพนันออนไลน์เครือข่ายมินนี่ และร่วมกันฟอกเงิน

ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ 4:1เห็นว่า เป็นการกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งสูงกว่าผู้ร้องเรียน ซึ่งอยู่ในระดับผู้อำนวยการ และกล่าวหาว่าเป็นการกระทำความผิดร้ายแรง มีผลกระทบในวงกว้าง เข้าหลายข้อในเรื่องความผิดร้ายแรง มูลค่าที่มีการกล่าวหากันก็มีมูลค่าสูง ซึ่งอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. ไม่สามารถมอบหมายให้ได้

คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมีมติให้ระดับเรื่องนี้ไว้พิจารณา ดำเนินการตรวจสอบและไต่สวนเอง ประกอบกับมีเรื่องข้อกล่าวหาเดิมที่เคยส่งไปยังกองบัญชาการสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งมีความเกี่ยวพันกันในเรื่องของบัญชีม้า ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้ต้องทำไปพร้อมกัน จึงมีมติให้ดึงสำนวนดังกล่าว (สำนวนส่วนที่หนึ่ง ซึ่งปปช.มีมติ4:1 วันที่15พย.2566ให้พนักงานสอบสวนดำเนินการ) กลับมาพิจารณาพร้อมกัน

แหล่งข่าวจาก ป.ป.ช.แจ้งว่า การประชุมคณะกรรมการปปช.วันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น พลตำรวจเอก วัชรพล ประสานราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.ได้บรรจุวาระของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ เป็นวาระจร และนำขึ้นพิจารณาในช่วงเช้าของการประชุม ทั้งๆที่โดยปกติแล้ว การประชุมจะพิจารณาวาระเพื่อพิจารณาให้เสร็จสิ้นก่อนจึงจะพิจารณาวาระจรและวาระเพื่อทราบ ตามลำดับ

แหล่งข่าวแจ้งว่า การพิจารณาวาระของ รองผบ.ตร.นั้น มีการหารือกันเคร่งเครียดกว่าสองชั่วโมง เพราะมีการพิจารณาเรื่องข้อกฎหมายและสำนวนคดีนี้อย่างหนัก ซึ่งทราบว่าประธาน ป.ป.ช.และนายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ กรรมการ ป.ป.ช.เสนอให้ ป.ป.ช.นำคดีนี้กลับมาทำเอง

โดยนายเอกวิทย์เสนอว่า ควรตรวจสอบสำนวนนี้ใหม่ด้วย จากนั้นคณะกรรมการ ป.ป.ช. เสียงข้างมาก ได้อ้างมาตรา 28และ 29 แห่งพรป.ป.ป.ช. และรัฐธรรมนูญในการดึงเรื่องนี้กลับมาดำเนินการเอง

แหล่งข่าวกล่าวว่า ส่วนเสียงข้างน้อยในการลงมติคราวนี้คือ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข กรรมการ ป.ป.ช.ให้เหตุผลสองข้อที่ ป.ป.ช.ไม่ควรรับสำนวนนี้มาดำเนินการ เพราะ 1. พฤติการณ์แห่งคดีระหว่างตำรวจกับเอกชนร่วมกันกระทำความผิดกฎหมายการพนัน โดยนำเงินที่ได้มาไปแจกจ่ายตามบัญชีต่างๆนั้น เป็นความผิดฐานฟอกเงิน

ซึ่งไม่ใช่ความผิดที่ ป.ป.ช. จะรับไว้ดำเนินการไต่สวน เพราะตำรวจในสำนวนคดีนี้ไม่ได้กระทำความผิดจากการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นการที่ ป.ป.ช. จะตั้งข้อกล่าวหาว่า ตำรวจในสำนวนคดีนี้กระทำความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 149 นั้น โดยที่ตำรวจยังไม่มีพฤติการณ์เรียกรับทรัพย์สินนั้น อาจไม่ถูกต้อง

แหล่งข่าวกล่าวว่า สำนวนส่วนแรกที่ปปช.ส่งกลับไปให้พนักงานสอบสวน( มติวันที่ 15 พ.ย. 2566 โดยคณะกรรมการป.ป.ช. มีมติ 4:1 และใช้มาตรา 61 วรรคสอง แห่งพรป. ป.ป.ช. ส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการ) แต่การประชุมครั้งล่าสุดนี้นั้น คณะกรรมการปปช.เสียงข้างมากมีมติให้นำสำนวนนี้ มาดำเนินการร่วมกับสำนวนส่วนที่สองที่เกี่ยวข้องกับพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์นั้น

แหล่งข่าวกล่าวว่า นายสุชาติให้เหตุผลที่ ป.ป.ช.ไม่ควรรับมาดำเนินการว่า 2.พนักงานสอบสวนยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น หากสำนวนนี้ถูกส่งกลับมา โดยเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2566 พนักงานสอบสวนแจ้ง ป.ป.ช.ว่า มีการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมและพบผู้ร่วมกระทำผิดระดับสูงด้วย เท่ากับว่าพนักงานสอบสวนยังสอบสวนไม่เสร็จและจะส่งให้ ป.ป.ช. พิจารณาไม่ได้จนกว่าจะการสอบสวนแล้วเสร็จ และหากพิจารณามาตรา 65 และ 66 แห่งพรป. ปปช. นั้นพบว่า ปปช.ต้องคืนสำนวนให้พนักงานสอบสวนดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนแล้วจึงนำมาพิจารณาอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากปปช.รับสำนวนนี้มาดำเนินการนั้น ป.ป.ช. มีเวลาในการดำเนินการตามกฎหมายสองปีและขยายเวลาได้อีกหนึ่งปี แต่มีข้อมูลว่า ตอนนี้ ป.ป.ช. คดีคงค้างกว่าสามพันคดีและบางคดีสำคัญๆใกล้หมดอายุความ และพบว่าป.ป.ช. มีอัตรากำลังรวมทั้งประเทศ 700 กว่าคน โดยในส่วนของพนักงานไต่สวน ป.ป.ช.นั้น ต้องพิจารณาสำนวนคดีให้เสร็จสิ้นวันละ2-3คดี แต่ข้อเท็จจริงพบว่าสำนวนยังค้างคาที่ ป.ป.ช. ในจำนวนดังกล่าว

ดังนั้นการที่ปปช.รับสำนวนเว็บพนันมินนี่มาดำเนินการอาจจะใช้เวลามากกว่าและนานกว่าพนักงานสอบสวนที่มีอัตรากำลังมากกว่า ป.ป.ช.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หาก ป.ป.ช. ดำเนินการตามที่นายเอกวิทย์เสนอคือตรวจสอบขั้นต้นก่อนนั้น เท่ากับว่า ป.ป.ช. อาจเริ่มต้นนับหนึ่งของสำนวนนี้ใหม่ทั้งหมดซึ่งอาจใช้เวลานานเพราะผู้ถูกกล่าวหาของสำนวนนี้ทั้งหมดมีสองส่วน
โดยส่วนแรกนั้นมีผู้ถูกกล่าวหา61คน โดยผู้ถูกกล่าวหาบางคนส่งฟ้องศาลไปแล้ว แต่ปปช.จะพิจารณา 14 ราย ( พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัยกับพวก)นั้น กลับมาดำเนินการเอง โดยมีการระบุเหตุผลว่า เพื่อจะได้พิจารณาในคราวเดียวกันกับส่วนที่สอง (พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์กับพวก)
ส่วนกรอบระยะเวลานั้น ตรงนี้ต้องติดตามว่า หากรายละเอียดในสำนวนครบถ้วนตามที่พนักงานสอบสวนเคยให้ข้อมูลไว้ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.อาจสามารถไต่สวนและแจ้งข้อกล่าวหาได้ไวขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง