บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH และ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ประสบความสำเร็จในการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เชิงพาณิชย์เที่ยวแรกปริมาณ 62,000 ตัน ผ่านทางบริษัท หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด (HKH) เพื่อป้อนโรงไฟฟ้าหินกอง หน่วยที่ 1 กำลังผลิตตามสัญญา 700 เมกะวัตต์ (MW) ที่มีแผนเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในวันที่ 1 มีนาคมนี้ นับเป็นเอกชนรายแรกของประเทศไทยที่นำ LNG เข้ามาในประเทศ เป็นไปตามนโยบายการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติ ปูทางไปสู่การแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งลดความเสี่ยงในการจัดหาก๊าซธรรมชาติ เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางด้านพลังงาน และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้กำหนดแนวทางส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติระยะที่ 2 และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้เปิดให้เอกชนสามารถขอใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (Shipper License) เพื่อจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ โดย LNG บริษัท หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด (HKH) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่ RATCH ถือหุ้น 51% และ GULF ถือหุ้น 49% เป็น 1 ใน 8 บริษัทที่ได้รับ Shipper License ในการนำเข้า LNGปริมาณ 1.4 ล้านตันต่อปี
นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โครงการโรงไฟฟ้าหินกอง จังหวัดราชบุรี มีภารกิจสำคัญในการผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อเสริมความมั่นคงด้านพลังงานให้กับระบบไฟฟ้าทางภาคตะวันตกของประเทศ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 2 ชุด ขนาดกำลังผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวม 1,400 เมกะวัตต์ ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก โดยมีบริษัท หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด เป็นผู้ดำเนินการจัดหาเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเหลวที่มีคุณภาพและต้นทุนที่เหมาะสม ควบคุมดูแลและบริหารจัดการจัดส่งก๊าซธรรมชาติเพื่อป้อนให้กับโรงไฟฟ้าหินกองได้ตามแผนการผลิต ความสำเร็จในการนำเข้า LNG ล๊อตแรก ของ HKH วันนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการจัดหาเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติโดยผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน ที่รุกเข้าสู่ธุรกิจต้นน้ำของห่วงโซ่ธุรกิจเพื่อมุ่งบริหารจัดการเชื้อเพลิง อันถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะรองรับประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตไฟฟ้าให้มีความมั่นคง และสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพ เพื่อส่งมอบให้กับ กฟผ. ได้ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะเวลา 25 ปี”
นางพรทิพา ชินเวชกิจวานิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การที่บริษัท หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด สามารถนำเข้า LNG เที่ยวแรกได้นั้น นับเป็นความสำเร็จก้าวแรกของเอกชนตามนโยบายการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติของรัฐบาล นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าของประเทศแล้ว ยังเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ที่มีความต้องการใช้ก๊าซ ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมของประเทศโดยรวม โดยทาง HKH มีแผนนำเข้า LNG ประมาณ 0.64 ล้านตันในปี 2567 เพื่อป้อนโรงไฟฟ้าหินกองทั้งหมด ทำให้บริษัทสามารถบริหารต้นทุนการผลิตไฟฟ้าได้”
“นอกจากการนำเข้า LNG เพื่อนำมาใช้กับโรงไฟฟ้าหินกองแล้ว ในอนาคต GULF จะจัดหาและนำเข้า LNG ในปริมาณรวมประมาณ 7.8 ล้านตันต่อปี เพื่อนำมาเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าให้กับโครงการโรงไฟฟ้า IPP ของกลุ่มบริษัทฯ ทั้งโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ปลวกแดง (GPD) และโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ศรีราชา (GSRC) และจำหน่ายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมของโรงไฟฟ้า SPP จำนวน 19 โครงการของกลุ่มบริษัทฯ รวมไปถึงกลุ่มของบริษัทปตท. จำหน่ายก๊าซธรรมชาติ จำกัด (PTT NGD) โดย GULF ยังมีแผนที่จะนำ LNG มาใช้บริการกับท่าเทียบเรือก๊าซและสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG Terminal) ของโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 ซึ่งบริษัทฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการนี้ในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เพื่อขยายการเข้าถึง LNG ในภูมิภาคอีกด้วย” นางพรทิพา กล่าวเสริม
นายธนพงษ์ เจียมอนุกูลกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ”HKH มีความพร้อมด้านจัดหาแหล่งเชื้อเพลิงในรูปแบบของการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวที่มีคุณภาพและมีปริมาณที่เพียงพอ สามารถรองรับความต้องการใช้เชื้อเพลิง เพื่อสนับสนุนธุรกิจด้านการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าหินกองให้เกิดความมั่นคงและมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทได้ลงนามสัญญาซื้อขาย LNG กับ Gunvor Singapore Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Gunvor Group Ltd. บริษัทชั้นนำด้านการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทพลังงาน เพื่อเป็นผู้จัดหาและนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าหินกอง มีระยะเวลาสัญญา 3 ปี ซึ่งทาง Gunvor จะได้จัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว ประมาณ 500,000 ตันต่อปี เพื่อส่งมอบให้แก่บริษัท โดยทาง HKH จะใช้บริการสถานีแอลเอ็นจี มาบตาพุดแห่งที่ 2 (LMPT 2) ของบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ในการแปรสภาพของเหลวเป็นก๊าซ และส่งเข้าระบบท่อส่งก๊าซของ ปตท.เพื่อส่งไปยังโรงไฟฟ้าหินกองต่อไป”
ข้อมูลราช กรุ๊ป โดยสังเขป
บมจ. ราช กรุ๊ป ก่อตั้งเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2543 มีทุนที่ออกและชำระแล้วจำนวน 21,749,999,850 บาท โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 45 บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจในลักษณะของบริษัทโฮลดิ้ง โดยลงทุนถือหุ้นผ่านบริษัทย่อย และบริษัทร่วมทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ การลงทุนมุ่งเน้นธุรกิจผลิตไฟฟ้าเป็นหลัก และขยายการลงทุนสู่ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับไฟฟ้าและพลังงาน และธุรกิจบริการสุขภาพด้วย ปัจจุบัน บริษัทฯ มีการลงทุนโครงการในประเทศไทย สปป.ลาว ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น โดยมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ลงทุนแล้วรวม 10,822.05 เมกะวัตต์ โดยเป็นกำลังการผลิตที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ 7,903.82 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตที่กำลังพัฒนาและก่อสร้าง รวม 2,918.23 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับการรับรองฐานะการเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย การประเมินการกำกับกิจการที่ดีของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย ระดับดีเลิศ 5 ดาว และเป็นบริษัทใน SET ESG Ratings ปี 2566 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยอยู่ที่ระดับ AA สืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.ratch.co.th
ข้อมูลกัลฟ์ โดยสังเขป
บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF บริษัทชั้นนำด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานยั่งยืนในระดับภูมิภาค ประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้น (Holding Company) ใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจพลังงาน ประกอบด้วยการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน และการนำเข้า LNG และจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค และธุรกิจดิจิทัล ครอบคลุมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยุโรป และสหรัฐอเมริกา มุ่งขยายโอกาสแห่งความสำเร็จด้วยการดำเนินธุรกิจบนแนวคิด “Powering the Future, Empowering the People” เพื่อพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนไปพร้อมกัน
สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของกัลฟ์ได้ที่: เว็บไซต์ – https://www.gulf.co.th/th/news.php
เฟสบุ๊กแฟนเพจ – https://www.facebook.com/GulfEnergyDevelopment/ และ https://www.facebook.com/GulfSPARK.TH