วันนี้ 27 ก.พ. 67 มีหลายหน่วยงานที่ประกาศให้เจ้าหน้าที่ เวิร์ค ฟอร์ม โฮม เช่น กระทรวง อว.และกระทรวงอุตสาหกรรม ปัญหาไม่ได้เกิดจากฝุ่นควันแต่อย่างใด แต่สืบเนื่องจากกิจกรรมของนักศึกษาและศิษย์เก่าอุเทนถวาย ที่จะรวมตัวเคลื่อนขบวนคัดค้านการย้ายสถาบัน กิจกรรมเริ่มตั้งแต่เช้า ท่ามกลางการดูแลใกล้ชิดของเจ้าหน้าที่
สำหรับการเคลื่อนขบวน เป้าหมายเริ่มต้นจากเขตพื้นที่อุเทนถวาย เพื่อเดินเท้าไปยังสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ โดยจะมีการอภิปราย ปรายศรัย และออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนไม่ย้ายสถาบัน
จากนั้น 11.30 น. จะเดินทางไปกระทรวง อว. เส้นทางถนนพญาไท เลี้ยวซ้ายเข้าถนนโยธี โดยจะยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. คุณศุภมาส อิศรภักดี ซึ่งถ้าไม่มารับด้วยตัวเอง ก็แจ้งว่าจะปักหลักค้างคืนจนกว่าจะได้มอบหนังสือถึงมือ
จากนั้นช่วงบ่าย จะเดินเท้า และขึ้นรถ จากกระทรวง อว. ไปยังอาคารรัฐสภา เส้นทางรถ ไปทางถนนพระราม 6 เลี้ยวซ้ายเข้าถนนประดิพัทธ์ ถนนทหาร สู่รัฐสภา และมีอีกกลุ่มที่จะเดินเท้า เส้นทางถนนพระราม 6 ผ่านแยกตึกชัย เลี้ยวซ้ายแยกโรงกรองน้ำ เข้าถนนนครชัยศรี แยกสามเสน เข้าถนนสวรรคโลก แยกเทอดดำริ เข้าถนนทหาร และสิ้นสุดที่รัฐสภา
นอกจากนี้จะมีตัวแทนอีกกลุ่ม เดินทางจาก อว.ไปทำเนียบรัฐบาล เพื่อจะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี
ความเคลื่อนไหวนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่คุณศุภมาศ มาดูแลปัญหานี้ และบอกว่าจะพยายามแก้ปัญหาย้ายอุเทนถวายออกจากพื้นที่ให้ได้ในรัฐบาลชุดนี้ หลายคนอาจจะมองว่า การแก้ปัญหาด้วยการย้ายสถาบัน เพื่อลดปัญหาความรุนแรงระหว่างสถาบันที่ทำให้มีคนเจ็บ คนตายมากมาย อาจจะไม่ตรงจุด แต่จริงๆ การย้ายอุเทนถวาย ไม่ได้มีเหตุหลักมาจากความรุนแรงแต่อย่างใด เรื่องการแก้ปัญหาความรุนแรงอาจเป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่โดยหลัก มันคือข้อพิพาทเรื่องพื้นที่ระหว่างสถาบันการศึกษาเก่าแก่ของประเทศทั้ง 2 สถานบัน คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย
ฝั่งอุเทนถวาย ยืนยันมาตลอดว่า สถานที่ตั้งมหาวิทยาลัยของพวกเขา คือที่ดินที่ได้รับพระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ 6 เพื่อเป็นโรงเรียนอาชีวะแห่งแรกของประเทศ แต่ว่าสำหรับจุฬาฯ ยืนยันว่าพื้นที่ที่ก็ได้รับพระราชทานจาก ร.6 มาเช่นกันนี้ มีแผนแม่บทที่จะต้องยึดถือและพัฒนาตามนั้น จึงต้องขอคืนพื้นที่จากอุเทนถวาย โดยมีเอกสารยืนยันว่า อุเทนถวาย เช่าพื้นที่จากจุฬาฯ
โดยเริ่มต้นการเช่ามาตั้งแต่ปี 2478 ขอเช่าเป็นเวลา 68 ปี สิ้นสุดมาตั้งแต่ปี 2548 หลังครบกำหนดสัญญา จุฬาฯ ไม่ต่อสัญญา และขอให้ส่งมอบพื้นที่ และมีการทำบันทึกข้อตกลงอีกให้ย้ายอุเทนถวายไปก่อสร้างใน จ.สมุทรปราการ แต่ก็ไม่สามารถปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงได้
การต่อสู้ยืดเยื้อเริ่มตั้งแต่ตอนนั้น มีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีทางแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือ กยพ. ซึ่งมีมติให้อุเทนถวายขนย้ายและส่งมอบพื้นที่ พร้อมชำระค่าเสียหายให้แก่จุฬาฯกว่า 1.1 ล้านบาทต่อปี
ปี 2550 สำนักงานอัยการสูงสุดก็ตั้ง กยพ.ขึ้นมาเช่นกัน พร้อมกับการที่สโมสรนักศึกษาอุเทนถวาย ทูลเกล้าฯถวายฎีกา 2 ครั้ง
ในปี 2552 กยพ.มีมติชี้ขาดให้อุเทนถวายขนย้ายทรัพย์สิน และคืนพื้นที่ให้จุฬาฯ และให้ชำระค่าเสียหายปีล้านบาทเศษด้วย ส่วนผลการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา สำนักราชเลขาธิการได้มีหนังสือยืนยันผลชี้ขาดตามมติของ กยพ.
วันที่ 16 ก.พ. 2556 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงเรื่องการขอคืนพื้นที่ที่ให้อุเทนถวายเช่า เพื่อขยายเขตพื้นที่การศึกษาตามโครงการพัฒนา
กระทั่งทางอุเทนถวายตัดสินใจยื่นฟ้องศาลปกครองกลาง แต่แต่ศาลปกครองกลางยกฟ้องในปี 2556 โดยระบุว่าจุฬาฯ คือผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน และมติของ กยพ.ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
อุเทนถวายได้ยื่นอุทธรณ์ กระทั่งวันที่ 10 ธ.ค.2565 ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง สั่งให้อุเทนถวายย้ายออกจากพื้นที่ โดยต้องดำเนินการภายใน 60 วัน หลังจากมีคำสั่ง
ผ่านมากว่า 1 ปี การย้ายสถาบันยังไม่เกิดขึ้น นักศึกษาอุเทนถวายก็พยายามเคลื่อนไหวคัดค้านการย้ายสถาบัน แต่ด้วยปัญหาความรุนแรงระหว่างสถานบันที่ซ้อนมา และสร้างความไม่พอใจในสังคม จึงกลายเป็นแรงกดดันไปยังรัฐบาลให้ต้องแก้ปัญหานี้ ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ที่มีปัญหาถึงขั้นนักศึกษาสถาบันคู่อริของอุเทนถวายเสียชีวิต นำมาสู่ความพยายามแก้ปัญหาอีกครั้ง รัฐมนตรีศุภมาศ บอกว่าให้อุเทนงดรับนักศึกษาปี 1 นัยยะเพื่อแก้ปัญหาทั้งเรื่องความรุนแรง และการลดจำนวนนักศึกษาเพื่อความสะดวกในการย้ายสถาบันด้วย
แต่ขณะเดียวกันในรัฐสภา ก็มีการตั้งคำถามเรื่องการย้ายสถาบัน ว่าหากมีการย้ายจะจัดเตรียมดูแลนักศึกษา และสร้างความพร้อมให้สถานบันอย่างไร ทาง อว.ให้คำตอบว่า จริงๆ มีการตั้งงบประมาณ 400 ล้านเพื่อรองรับสถานบันแห่งใหม่ พื้นที่รองรับ มีทั้ง
ที่วิทยาเขตบางพระ จ.ชลบุรี วิทยาเขตจักรพงษ์ภูวนารถ ถนนวิภาวิดีรังสิต กรุงเทพฯ มีพื้นที่บริจาคที่สามารถสร้างสถาบันได้ที่มีนบุรี และที่ราชพัสดุที่สมุทรปราการ
ส่วนการบงดรับนักศึกษานั้น จริงๆ สามารถรับเด็กปี 1 ได้ แต่ว่าให้รับในวิทยาเขตอื่น ที่ไม่ใช่พื้นที่หัวใจของนักศึกษาอุเทนถวาย ที่ตั้งอยู่ในเขตปทุมวัน