ตำรวจนำกำลังเข้าจับผู้ต้องหา 6 คน ร่วมกันปล่อยเงินกู้เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และมีพฤติกรรมข่มขู่ ใช้กำลังทำร้ายลูกหนี้
หลังจากเมื่อเดือนกันยายน ประชาชนในพื้นที่อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง กว่า 30 คน เข้าแจ้งความตำรวจ สภ.กันตัง ขอให้ช่วยเหลือ เพราะถูกแก๊งเงินกู้ชื่อ “แก๊งหญิงเบื่อ” คิดดอกเบี้ยอัตราเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หนำซ้ำวิธีการทวงหนี้โดยใช้ความรุนแรง ข่มขู่ ใช้อาวุธกับลูกหนี้ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย
ตำรวจเร่งสืบสวนจนพบแก๊งหญิงเบื่อ มีนายสมพงษ์ สาวประเภท 2 เป็นหัวหน้าและเป็นนายทุน ปล่อยกู้เก็บดอกเบี้ยในอัตราเกินกว่าร้อยละ 20 โดยลูกค้าต้องชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเงินกู้ 30 ครั้ง ต่อเนื่อง 30 วัน แต่ถ้าส่งไม่ต่อเนื่อง นายสมพงษ์จะบังคับให้ลูกหนี้ เริ่มการชำระใหม่ เงินที่จ่ายมาแล้ว จะตัดยอดไว้ 2,000 บาท แล้วคืนเงินที่เหลือให้กับลูกหนี้ เพื่อเริ่มชำระเงินใหม่ ซึ่งจะเรียกลักษณะนี้ว่า “ล้มรายวัน”
เช่น หากมีการกู้ 10,000 บาท ต้องชำระวันละ 400 บาท หากชำระมาแล้ว 15 วัน 6,000 บาท วันที่ 16 ไม่ได้ชำระเงิน จะตัดยอดดอกเบี้ยไว้ 2,000 บาท และคืนเงิน 4,000 บาทให้ แต่จากนั้นก็ชำระเงินใหม่วันละ 400 บาท
ด้านตำรวจตรวจสอบพบเงินหมุนเวียนในบัญชีของนายสมพงษ์ กว่า 20 ล้านบาท และยังมีการแบ่งหน้าที่กัน ทำกับลูกน้องอีก 5 คน ในลักษณะองค์กรอาชญากรรม ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับและหมายค้นบุคคลที่เกี่ยวข้อง จนนำมาสู่การจับกุม
จากการสอบปากคำกลุ่มผู้ต้องหาเบื้องต้น สารภาพ 3 ราย ปฏิเสธ 2 ส่วนนายสมพงษ์ให้การภาคเสธ ตำรวจจึงแจ้งข้อหาทั้งหมด ส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขณะที่นายนก (นามสมมติ) หนึ่งในผู้เสียหายเล่าว่าช่วงปี 2562 นอนป่วยติดเตียงอยู่ที่โรงพยาบาล หลังจากฉีดวัคซีนโควิด ไม่สามารถทำงานได้ ภรรยาจึงต้องไปกู้ยืมเงินจากแก๊งนี้มา 3,000 บาท ส่งดอกประมาณวันละ 300 บาท จ่ายมาตลอดช่วง 5 ปีที่ แต่เงินต้นยังอยู่ครบ และเมื่อวันไหนไม่ได้จ่ายเพราะไม่มีเงิน แก๊งนี้ก็จะทำการข่มขู่อาฆาตผ่านทางโทรศัพท์ให้ระวังตัวไว้ ก่อนจะพากันที่บ้านทำการข่มขู่
นอกจากนี้ทราบว่า เพื่อนบ้านก็เคยถูกขู่ฆ่า บางรายถูกทำร้ายร่างกายตบตี ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว จึงหอบร่างกายที่ยังไม่แข็งแรงเข้าแจ้งความ เพราะรับไม่ได้และทนไม่ไหวกับพฤติกรรม
หลังตำรวจจับกุมแก๊งนี้ได้ ดีใจมาก เพราะที่ผ่านมาชีวิตไม่เคยมีความสุขเลย เงินหามาได้ก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยรายวัน และอยากให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
