วันที่ 28 ธันวาคม 2566 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่จังหวัดยะลา เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ โดยได้เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคใต้ ที่ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคใต้ จังหวัดยะลา
โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ช่วยกันบูรณาการอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ มีการระบายน้ำที่รวดเร็ว ซึ่งตนขอชื่นชม สทนช.ที่เร่งลงพื้นที่อย่างเร่งด่วน แต่จากนี้ ก็ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันวางแผนบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด
รวมถึงขอให้เน้นย้ำเรื่องการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชน ได้รับทราบถึงสถานการณ์อย่างเร่งด่วน โดยขอให้มีการประชาสัมพันธ์ ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย และต่อเนื่อง เพราะหากแจ้งเตือนได้เร็ว ความเสียหายก็จะเกิดขึ้นน้อย โดยการมาช่วยเหลือของทุกหน่วยงาน ถือเป็นการแสดงออกถึงความรัก ความสามัคคีในพาหุวัฒนธรรม ที่เราต้องช่วยกันแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน
นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเพิ่มเติมว่า การลงพื้นที่วันนี้ เพราะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ตนจึงลงพื้นที่มาติดตามสถานการณ์ในวันนี้ ซึ่งจากการรับฟังรายงาน ได้ทราบว่า น้ำท่วมภาคใต้มาเร็ว แต่แห้งเร็ว เนื่องจากแม่น้ำในพื้นที่มีความสั้น แต่ในพื้นที่ภาคอีสาน แม่น้ำมีความยาวกว่าจำนวนมาก ทำให้เวลาเกิดน้ำท่วมภาคใต้ จะระบายน้ำได้เร็ว ตนจึงกำชับให้ข้าราชการ เร่งลงพื้นที่ให้เร็ว เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ และความเดือดร้อนของประชาชน
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ พร้อมคณะ ยังได้เดินทางต่อไปยังบ้านจางา ตำบลปะกาฮะรัง อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เพื่อมอบถุงยังชีพ ให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัย โดยมี นายวรวิทย์ บารู สส.ปัตตานี พรรคประชาติ และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมต้อนรับ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ ฝนในภาคใต้เริ่มตกเบาบางลง ทำให้อีกไม่นานสถานการณ์ก็จะคลี่คลาย โดนนายกรัฐมนตรี มีความห่วงใย จึงสั่งการให้รัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งในระยะเร่งด่วน ก็จะมีการมอบถุงยังชีพ เพื่อเยียวยาเบื้องต้น แต่ในะยะต่อไป ก็จะเร่งสำรวจบ้านเรือนเสียหาย เพื่อเยียวยาต่อไป
นอกจากนี้ ตนยังได้มอบให้ สทนช.ลงพื้นที่เก็บข้อมูล เพื่อนำไปแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไปด้วย เพราะรัฐบาล เข้าใจปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี จึงจะมีการวางแผนแก้ปัญหาแบบยั่งยืน