เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 4 ธันวาคม 2566 เกิดอุบัติเหตุ รถทัวร์โดยสารเสียหลักชนต้นไม้ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 14 คน ส่วนสาเหตุ ตำรวจคาดว่า คนขับอาจหลับใน
รถทัวร์โดยสาร สายกรุงเทพฯ-นาทวี จังหวัดสงขลา ซึ่งพังเสียหาย และแยกออกจากกัน หลังเกิดอุบัติเหตุเสียหลักชนต้นไม้ข้างทาง ช่วงขาล่องใต้ ใกล้ทางเข้าอุทยานแห่งชาติหาดวนกร อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 14 คน และบาดเจ็บอีกจำนวนมากบริเวณจุดเกิดเหตุ มีชิ้นส่วนรถ และสิ่งของจำนวนมาก ส่วนบนถนน ไม่พบรอยเบรก
เบื้องต้นทราบว่า รถทัวร์คันดังกล่าว ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ มุ่งหน้า อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา มีเจ้าหน้าที่ประจำรถ 3 คน และผู้โดยสาร 46 คน
ญาติของผู้เสียชีวิตคนหนึ่ง เดินทางมาที่โรงพยาบาลทับสะแกอย่างเร่งด่วน เพื่อรอรับศพพ่อของเธอ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต ขณะนี้อยู่ระหว่างรอพิสูจน์อัตลักษณ์ พร้อมฝากถึงคนขับรถโดยสารเส้นทางไกลทุกคัน ให้เพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ โดยเฉพาะการเดินทางในช่วงกลางคืน
นายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ผู้บาดเจ็บเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลทับสะแก และ โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์
ส่วนบางคนที่บาดเจ็บเล็กน้อย ได้ กลับบ้านแล้ว พร้อมสั่งการให้ตรวจสอบผู้เสียชีวิตเป็นใคร ล่าสุด ยืนยันแล้ว 7 คน ส่วนที่โรงพยาบาลทับสะแก ญาติผู้เสียชีวิต ได้มาตรวจสอบรายชื่อและยืนยันตัวตน บางคนสันนิษฐานว่า สาเหตุอาจเกิดจากคนขับหลับใน จึงต้องการให้กรมขนส่งทางบก มีมาตรการที่รัดกุม เช่น เพิ่มจำนวนคนขับ
ด้านตัวแทน บริษัททัวร์ศรีสยาม ระบุว่า จะรับผิดชอบจัดส่งผู้โดยสารกลับบ้าน ส่วนผู้เสียชีวิต จะนำร่างส่งกลับภูมิลำเนา และมอบเงินเยียวยาเบื้องต้นคนละ 5,000 บาท และมี พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียชีวิต คนละ 5 แสนบาท /ส่วนกรณีบาดเจ็บ จะจ่ายตามจริง ไม่เกินคนละ 8 หมื่นบาท
ตำรวจเปิดเผยว่า อยู่ระหว่างสอบสวนสาเหตุการเกิดอุบัติ และรอสอบปากคำคนขับรถ ซึ่งบาดเจ็บสาหัส แต่เบื้องต้น ไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย จึงคาดว่า อาจหลับใน และจากการตรวจสอบของ บขส. พบว่า ก่อนเกิดเหตุ รถคันดังกล่าวได้เข้าจุดตรวจความพร้อมของรถโดยสารและคนขับ ทุกจุด ส่วนความเร็วรถ อยู่ที่ 88 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือว่า ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดที่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง