วันนี้ (1 พ.ย. 2566) นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีที่เตรียมยื่นที่ประชุมคณะรัฐมนตรี กรณีการจ่ายเงินให้กับแรงงานไทยทุกคนที่กลับมาจากประเทศอิสราเอล คนละ 50,000 บาท โดยทางกระทรวงแรงงานจะประสานกับสำนักงบประมาณในการกำหนดหลักเกณฑ์หรือแนวทางการรับเงิน และแรงงานไทยที่เดินทางกลับมาก็จะได้รับทุกคน จะสามารถนำไปใช้ในการประกอบอาชีพหลังจากที่กลับมาอยู่ประเทศไทย และยังมีเงินที่รัฐบาลปล่อยให้กู้ดอกเบี้ยต่ำ 1% ในวงเงินไม่เกิน 150,000 บาท ระยะเวลากู้ไม่เกิน 20 ปี ถือเป็นแรงจูงใจที่ให้แรงงานไทยได้นำเงินไปใช้หนี้หลังจากกลับมาอยู่ประเทศไทยแล้ว
โดยกระทรวงแรงงานจะทำเรื่องเสนอ ครม.ในครั้งหน้า โดยใช้งบประมาณกลาง คาดว่าในสัปดาห์หน้าน่าจะทราบผล สำหรับเงื่อนไข จะเป็นเงื่อนไขเดียวคือคนไทยหรือแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากประเทศอิสราเอล
ส่วนประเด็นดราม่าในโซเชียลที่มีการพูดถึงความเหมาะสมในการจ่ายเงินเยียวยาให้กับแรงงานไทยในอิสราเอลที่มีความไม่เหมาะสมเพราะไม่ได้ทำคุณูปการให้กับประเทศไทยหรืออาจจะเป็นการหาเสียงของรัฐบาลในครั้งต่อไปนั้น นายไพโรจน์ กล่าวว่า ไม่อยากให้มองตรงนั้น เพราะเป็นแรงงานไทยที่เดินทางลี้ภัยกลับเข้าสู่ประเทศไทย เพื่อให้เขาได้ใช้ในการกลับมาตั้งหลักชีวิต โดยมองว่าชีวิตของคนไทยสำคัญที่สุด หากแรงงานไทยเสียชีวิตมากขึ้น ก็ต้องมีสังคมตั้งคำถามว่ารัฐบาลช่วยเหลือเยียวยาอย่างไร ซึ่งตนมองว่าการให้เงินเพื่อแลกกับชีวิตคนไทยได้กลับมาอย่างปลอดภัยถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ส่วนการพาตัวประกันกับประเทศไทยนั้น ก็จะต้องมีการหารือกับประเทศอิสราเอล ไม่อยากให้มองในเรื่องของการจ้างในจำนวนเงินที่สูง แต่อยากให้มองในเรื่องของมาตรการความปลอดภัย หลุมหลบภัยหรือบังเกอร์ หรือวิธีการของนายจ้างที่มีต่อลูกจ้างอย่างไร มีความปลอดภัยแค่ไหน ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่จะต้องพิจารณาเป็นอันดับแรกในการส่งแรงงานไทยไปทำงานที่ต่างประเทศ
สำหรับประเด็นแรงงานไทยตกค้างอยู่ที่ประเทศอิสราเอลนั้น ต้องรอกระทรวงการต่างประเทศแถลงชี้แจงเพื่อวางแผนในการรับแรงงานกลับไทย อยากให้คำนึงว่าชีวิตคนไทยต้องปลอดภัย สำหรับแรงงานไทยที่จะเดินทางกลับไทย หากเที่ยวบินไม่พอก็สามารถที่จะเดินทางกลับเองได้ แล้วนำค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาเบิกได้ที่สำนักงานแรงงานในจังหวัดของภูมิลำเนาได้