คัดลอก URL แล้ว
แรงงานไทยในอิสราเอล 90 คน เดินทางถึงไทยแล้วเป็นล็อตที่ 3

แรงงานไทยในอิสราเอล 90 คน เดินทางถึงไทยแล้วเป็นล็อตที่ 3

เมื่อเวลาประมาณ 05.30 น. แรงงานไทยในประเทศอิสราเอล กลุ่มที่ 3 จำนวน 90 คน ซึ่งเป็นบุคคลที่ลงทะเบียนขออพยพ ออกจากพื้นที่ไว้กับทางสถานทูต การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางออกจากประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2566 เวลาประมาณ 11.00 น. จากนั้นต่อเครื่องที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และได้เดินทางจากเมืองดูไบ ถึงท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ด้วยสายการบิน Fly Dubai เที่ยวบิน FZ 8991 ช่วงเช้าวันนี้(15 ตุลาคม)

โดยทันทีที่มาถึงท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ,พลเรือเอกสิทธิชัย ต่างใจ ผู้อำนวยการ การท่าอากาศยานอู่ตะเภา พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าต้อนรับแรงงานไทยทั้ง 90 คน ก่อนที่แรงงานทั้งหมด จะเข้าจุดคัดกรองโรคติดต่อ และผ่านระบบของสํานักงานตรวจคนเข้าเมือง ตรวจสุขภาพจิต และเจ้าหน้าที่แรงงานเข้าชี้แจงรายละเอียดต่างๆ

จากนั้นเวลา 06.10 น. กลุ่มแรงงานได้เริ่มทยอยออกมารับกระเป๋าเดินทาง และอาหารที่ประกอบด้วยผัดกระเพราไก่ ไข่ดาว ไก่ทอด น้ำส้มคั้นและขนมไทย ที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้เป็นอาหารมื้อแรกที่เดินทางถึงประเทศไทย โดยหากบุคคลใดที่มีอาการบาดเจ็บ ก็จะถูกแยกตัวมาปฐมพยาบาลเบื้องต้น และทยอยขึ้นรถบัส จำนวน 3 คัน มุ่งหน้าโรงแรม SC Park กรุงเทพฯ เพื่อพบกับครอบครัวที่รอรับกลับภูมิลำเนา

นายนัฐพงษ์ ดวงจันทร์ ชาวจังหวัดอุดรธานี หนึ่งในแรงงาน ที่เดินทางกลับไทยวันนี้ ซึ่งได้รับบาดเจ็บที่ขาจากสะเก็ดระเบิดที่ประเทศอิสราเอล เปิดเผยว่าตนไปทำงานด้านเกษตรกรรม ที่เมืองอัชเกลอน ประเทศอิสราเอล กว่า 4 ปีแล้ว โดยระหว่างเกิดเหตุ ตนเองอยู่ระหว่างนอนหลับในบ้านพักเนื่องจากเป็นเช้าวันหยุด ได้ยินเสียงไซเรนเตือนภัย ก่อนจะวิ่งหนีเข้าที่กำบัง แต่ระเบิดได้ลงมาพอดี จนทำให้ถูกสะเก็ดระเบิดบาดเจ็บ ที่บริเวณขาและต้นขาขวา ต้องหลบในที่กำบังทั้งวันทั้งคืน เพราะมีการยิงกันต่อเนื่องและรถพยาบาลเข้าไปไม่ได้ จนเวลาผ่านไปเข้าสู่วันที่สอง ตนได้รับการช่วยเหลือและทำแผล จากนั้นได้แจ้งความประสงค์เพื่อเดินทางกลับประเทศไทย

นายนัฐพงษ์บอกด้วยว่ารู้สึกดีใจที่เดินทางกลับถึงไทย ส่วนจะกลับไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล ต่อหรือไม่ หลังเหลือสัญญาทำงานอีก ราว 1 ปีเศษ นายนัฐพงษ์ ระบุว่า ไม่กลับไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลแล้ว

ด้านนายวีระยุทธ ปัญญาประชุม อีกหนึ่งแรงงานไทย เปิดเผยว่า ตนเองเดินทางไปทำงานด้านเกษตรกรรมที่ประเทศอิสราเอลได้ประมาณ 1 ปี โดยตนได้พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีระเบิดลง โดยขณะเกิดเหตุตนเองและเพื่อนแรงงานได้ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว และทำการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีผู้เสียชีวิต 2 ราย

โดยทางครอบครัวที่ประเทศไทย เมื่อทราบเหตุการณ์ก็เป็นห่วงอยากจะให้เดินทางกลับ ซึ่งตนก็ได้ติดต่อทางสถานทูต เพื่อลงทะเบียนกลับไทย

นายวีระยุทธ ยังได้เปิดเผยถึงเหตุผลที่ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลว่าอัตราค่าแรงที่สูงกว่าในไทยก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจไปทำงานที่ต่างประเทศ

ส่วนจะกลับไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลอีกหรือไม่ ยังไม่ได้ปรึกษาทางบ้าน หนึ่งใจก็กลัวแต่อีกใจหนึ่งก็อยากจะสู้กลับไปทำงานต่อถ้าเหตุการณ์สงบกว่านี้

พลเรือเอกสิทธิชัย ต่างใจ ผู้อำนวยการ การท่าอากาศยานอู่ตะเภา พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงหลังแรงงานไทยจำนวน 90 คน จากประเทศอิสราเอล เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ว่า วันนี้ในฐานะเป็นผู้แทนของ พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองทัพเรือ ตนได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจช่วยอำนวยความสะดวกแก่ กลุ่มแรงงานทั้งหมด เพื่อให้กลับสู่อ้อมกอดของครอบครัว โดยจากการตรวจสอบพบมีแรงงานเดินทางกลับทั้งสิ้น 90 ราย แบ่งเป็น ชาย 88 ราย หญิง 2 ราย มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย โดยหนึ่งรายถูกสะเก็ดระเบิด ส่วนอีกรายมีอาการขาอักเสบ

ส่วนสาเหตุที่ เครื่องบินสายการบิน Fly Dubai ต้องลงจอดที่ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา เนื่องจาก ที่ผ่านมาสายการบิน ดังกล่าวจะมาจอดที่ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาเป็นประจำ ซึ่งการเดินทางและประสานงานต่างๆวันนี้ก็ลุล่วงด้วยดี

ด้าน นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล กล่าวว่า ขณะนี้มีคนไทยที่อยู่ประเทศอิสราเอล แจ้งความประสงค์ขอกลับประเทศ จำนวนกว่า 7,000 ราย ซึ่งจากนี้ หากมีเครื่องบินว่าง ทั้งของกองทัพอากาศ และเครื่องบินพาณิชย์ ต่างๆ ก็จะเร่งไปรับคนไทยกลับประเทศให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ โดยทางการได้จัดศูนย์พักพิงไว้รองรับคนไทยแล้ว ที่กรุงเทลอาวีฟ มีอาหารและเครื่องดื่ม ไว้รองรับรวมถึงจัดทำหนังสือเดินทางชั่วคราวด้วย หากบุคคลใดทำหนังสือเดินทางหาย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง