คัดลอก URL แล้ว
“จุลพันธ์” เผยต้องลงทะเบียนก่อนรับเงิน 10,000 ยัน

“จุลพันธ์” เผยต้องลงทะเบียนก่อนรับเงิน 10,000 ยัน

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการลงทะเบียนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า การลงทะเบียน จะเป็นการยืนยันตัวตน หรือที่เรียกว่า kyc ซึ่งในอดีตโครงการรัฐเคยมีการยืนยันตัวตนมาแล้ว ซึ่งมีฐานข้อมูลอยู่ประมาณ 40 ล้านคน แต่ก็ยังมีผู้ที่ไม่เข้าถูกกระบวนการอยู่ประมาณ 10 ล้านคน ด้วยกฎหมายที่กำหนด ซึ่งกระบวนการยืนตัวตนเป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อให้ตรงกับเลขหมายบัตรประชาชนและใบหน้า

โดยนายจุลพันธ์ยืนยันว่า การยืนยันตัวตนไม่เกี่ยวกับการที่จะทำให้โครงการนี้ลดขนาดลง เพราะจะลงทะเบียนหรือไม่เรารู้ทีหลัง จึงจำเป็นต้องกันวงเงินไว้ให้เพียงพอ ซึ่งการดำเนินการในครั้งนี้เชื่อได้ว่า ตัวเลขอาจจะลดลงบางส่วน ส่วนจะเป็นเท่าไหร่ขอไปดูความชัดเจนอีกครั้ง ส่วนร้านค้าเองก็ต้องมีการลงทะเบียนเช่นกัน

เมื่อถามว่า หากโครงการนี้จะต้องดำเนินการในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 จะต้องมีการลงทะเบียนเมื่อใดนั้น นายจุลพันธ์กล่าวว่าเราวางแพลนไว้ว่า กลางเดือนพฤศจิกายน จะเริ่มมีการลงทะเบียนของร้านค้าก่อน ส่วนร้านค้าจะต้องเข้ามาอยู่ในระบบ blockchain หรือไม่ นายจุลพันธ์อธิบายว่า blockchain คือโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับ ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะต้องใช้คำว่า blockchain เป็นการรวบรวมข้อมูลต่างๆเท่านั้นเพื่อให้เกิดความปลอดภัย และเชื่อถือได้ แต่กลไกอื่นๆเป็นเรื่อง เป็นเรื่องของ Application ตามปกติ ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีชื่อ แต่เป็น Application ใหม่อย่างแน่นอน

ขณะที่สำนักวิจัยที่ทำงานให้กับกระทรวงการคลัง ออกมาระบุว่า ทางเลือกหนึ่งในการใช้งบประมาณ คือการขายหุ้นของรัฐวิสาหกิจนั้น นายจุลพันธ์ยืนยันว่าไม่เกี่ยวและไม่เป็นความจริง จะไม่มีการลดสัดส่วนของผู้ถือหุ้นรัฐวิสาหกิจ พร้อมยืนยันว่าเป้าหมายของการใช้งบประมาณ ยังไม่มีความชัดเจน โดยจะใช้งบประมาณเป็นหลัก เนื่องจากขณะนี้มีตัวเลือกให้กับรัฐบาลหลายทางเลือก แต่จะใช้ทางเลือกที่ดีที่สุด ซึ่งงบประมาณปี 2567 อยู่ระหว่างการขอมาของกระทรวงต่างๆ ไปยังสำนักงบประมาณ ซึ่งต้องไปดูในรายละเอียดหากโครงการไหนไม่มีความจำเป็นก็จะต้องตัดออก หรือดำเนินการให้ทันในปีงบประมาณ ส่วนโครงการไขมันที่ปรับลดได้ก็จะปรับลด งบที่เหลือมาก็จะนำมาใช้ในการพัฒนาลงทุนในโครงการต่างๆที่มีความจำเป็นและเกี่ยวเนื่องกับนโยบายของรัฐ ซึ่งสำนักงบประมาณก็จะไปดูในรายละเอียดว่ามีโครงการใดบ้างที่ไม่จำเป็น

เมื่อถามว่า ควรจะรู้ว่าโครงการใดไม่จำเนื่องจาก เดือนหน้าจะต้องนำงบประมาณปี 67 เข้าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้วนั้น นายจุลพันธ์มองว่า รู้วันเข้าครม.ก็ได้

ขณะเดียวกันนายจุลพันธ์ยังมีการอธิบายว่ามีการนำเสนอข่าวที่คลาดเคลื่อนว่าจะมีการขยายรัศมีการใช้ออกไปถึงระดับจังหวัดนั้น แต่ยอมรับว่ามีความโน้มเอียง ซึ่งรับฟังข้อคิดเห็นจากทุกฝ่าย แต่สุดท้ายจะจบที่ใดอยู่ที่กรรมการพิจารณา


ข่าวที่เกี่ยวข้อง