เมื่อเวลา 21.50 น. ที่ สน.ปทุมวัน นายจ้าง(สงวนชื่อ) ของผู้เสียชีวิตที่เป็นชาวเมียนมา ได้เดินทางเข้ามาแจ้งความกับตำรวจ สน.ปทุมวัน เพื่อเอาผิดกับผู้ก่อเหตุยิงที่ภายในห้างพารากอน และมาติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยนายจ้างของผู้เสียชีวิตได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ก่อนเข้าพบตำรวจว่า ตนเองเพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างจังหวัดทันทีที่ทราบเรื่อง ซึ่งเมื่อช่วงเย็นก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียชีวิตบอกว่าจะไปฝากเงินที่ธนาคารภายในห้าง พอตนได้รับแจ้งว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ก็พยายามติดต่อผู้เสียชีวิต แต่ก็ติดต่อไม่ได้ ตอนนั้นยอมรับว่า ใจไม่ดีและเป็นห่วง
จากนั้นมีผู้โทรมาแจ้งว่า เจ้าของเบอร์นี้ถูกยิง ตนจึงได้ถามกลับว่าอาการเป็นอย่างไร แต่ไม่ได้รับคำตอบ โดยแจ้งเพียงว่า ให้รีบเดินทางมาพร้อมญาติ ซึ่งก็ทำให้พอจะทราบว่าเกิดอะไรขึ้น และคาดว่าน่าจะหนักพอสมควร ตนจึงรีบเดินทางมาที่ สน.ปทุมวัน
เมื่อถามว่ากรณีที่เกิดขึ้นมองว่า ทางห้างหละหลวม เรื่องของความปลอดภัยหรือไม่ นายจ้างบอกว่า ไม่น่าจะเป็นเรื่องของความหละหลวม น่าจะเป็นตัวผู้ก่อเหตุที่ลักลอบนำเข้ามามากกว่า ซึ่งตนยังไม่รู้ความจริงอะไรเลย
ในด้านของการให้ความช่วยเหลือครอบครัวลูกจ้างที่เสียชีวิต นายจ้างตั้งใจไว้อยู่แล้วว่า จะแจ้งความบุคคลที่ก่อเหตุ เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายให้กับผู้เสียชีวิต และโดยส่วนตัวของนายจ้างจะจ่ายเงินให้พ่อแม่ของลูกจ้างเดือนละ 10,000 บาท ตามที่เขาเคยได้มอบให้ครอบครัวในทุกๆเดือนมาตลอด ให้เสมือนตอนเขายังมีชีวิตอยู่
นายจ้างยังกล่าวต่อด้วยว่าที่ผ่านมาผู้เสียชีวิตเป็นคนดี ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกับใคร เป็นเด็กน่ารัก มีความสามารถพูดได้หลายภาษา ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และภาษาอื่นๆ ดังนั้น ผู้ที่ทำให้เขาเสียชีวิตต้องรับผิดชอบ แต่ยังไม่ได้คิดว่าจะต้องรับผิดชอบอย่างไร ตอนนี้อยากทราบว่ายิงเพราะอะไร แต่มั่นใจว่าไม่ใช่เรื่องของการโกรธแค้นแน่นอน เพราะลูกจ้างคนนี้เป็นเด็กที่ไม่มีเรื่องกับใครและช่วยเหลือคนมาตลอด
โดยตอนนี้ตนยังไม่กล้าบอกแม่ของผู้เสียชีวิต ซึ่งตอนเห็นคลิปผู้ก่อเหตุ มีการระบุว่าน้องผู้ก่อเหตุปลอดภัยแล้ว อยากย้อนถามว่าใครปลอดภัย น้องคนยิงอาจจะปลอดภัย แต่น้องของตนยังไม่ได้ปลอดภัยเลย
นายจ้างยังระบุด้วยว่า ถ้าไม่ได้เงินซึ่งเป็นความรับผิดชอบจากเหตุการณ์นี้ จะมาแจ้งให้สื่อมวลชนทราบ ซึ่งตนไม่สนใจว่าจะเป็นเด็กหรือไม่เป็นเด็ก
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่หากให้ต้องให้ลูกจ้างไปฝากเงินที่ห้างอีก นายจ้างกล่าวว่า กังวลอยู่แล้ว เพราะเป็นชีวิตคน ไม่ว่าต่างชาติหรือคนไทย หากหาแนวทางที่รัดกุมได้ก็เป็นเรื่องดี