คัดลอก URL แล้ว
รอดนอนคุก!  ให้ประกัน ’ชัยวัฒน์’ 8 แสน – ยันไม่เกี่ยวข้องการหายตัวของบิลลี่

รอดนอนคุก! ให้ประกัน ’ชัยวัฒน์’ 8 แสน – ยันไม่เกี่ยวข้องการหายตัวของบิลลี่

วันนี้ ( 28 กันยายน 2566 ) ที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง (ศาล อท.กลาง) ถ.เลียบทางรถไฟ ตลิ่งชัน กทม. เมื่อเวลา 14.10 น. นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และพวกรวม 4 คน พร้อมทีมทนายความ เดินลงจากศาลอาญาคดีทุจริตฯ หลังฟังคำพิพากษา คดีการหายตัวไปของ “ บิลลี่ “ พอละจี รักจงเจริญ แกนนำกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ บ.บางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี นักต่อสู้เพื่อที่ดินทำกินแห่งผืนป่าแก่งกระจาน โดย ศาลพิพากษาจำคุกนายชัยวัฒน์ ในฐานความผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 157 จำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่ 2 3 และ 4 ศาลยกฟ้อง

หลังจากศาลอ่านคำพิพากษาแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่ศาลได้ควบคุมตัวนายชัยวัฒน์ เข้าห้องขังทันที ส่วนทนายความของนายชัยวัฒน์ได้ยื่นเรื่องของประกันตัวเพื่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ และศาลอนุญาตให้ประกันตัว วางหลักทรัพย์ 800,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร

โดยนายชัยวัฒน์ กล่าวว่า วันนี้ขอขอบคุณที่ศาลเมตตาและขอบคุณทีมทนายความ ตัวเองได้ประกันตัว ด้วยหลักทรัพย์ 800,000 บาท เงื่อนไขเดิมคือห้ามออกนอกประเทศ วันนี้ศาลไต่สวนและพิจารณาสำนวนทั้งหมดด้วยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ข้อเท็จจริงทั่งหมด ที่มีกล่าวหาว่าตัวเองกับพวกไปเกี่ยวข้องกับ นายบิลลี่ ที่ผ่านมาตัวเองยืนยันมาตลอดว่า

“ ไม่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของ นายบิลลี่ แต่ตัวเอง ถูกลงโทษในเรื่อง การปล่อยตัวนายบิลลี่กลางทาง จำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา แต่ต้องขอบคุณทางศาลที่ให้ตัวเอง ได้ประกันตัวออกมา และตัวเองเตรียมจะยื่นอุทธรณ์อยู่แล้ว “

นายชัยวัฒน์ กล่าวกล่างต่ออีกว่า ในส่วนของ มาตรา 157 การที่ละเว้นไม่นำตัวผู้ต้องหาไปส่งพนักงานสอบสวน โดยพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ กรมอุทยานทั่วไปนั้น มีความสุ่มเสี่ยงที่จะผิดตามมาตรา 157 กันทุกคน เพราะว่าเราอยู่ในชุมชนนั้น เราพยายามจะอยู่กับชุมชนให้ได้โดยไม่ทะเลาะกัน โดยเฉพาะตัวเอองไม่เคยจับชาวบ้าน จากหมู่บ้านบางกลอยเลย อย่างเหตุในคดีนี้เป็นเรื่องของน้ำผึ้งป่าที่ตามกฎหมายเดิม จะไม่สามารถให้ชาวบ้านหรือชุมชนนำของป่าออกไปขายได้ แต่ปัจจุบันนี้มีการออกกฎหมายใหม่ ให้สิทธิ์ทำกินราษฎรได้ เก็บของป่าอยู่ภายใต้กฎหมาย ตนก็พยายามสู้ในประเด็นนี้ แต่เข้าใจที่ศาลตัดสินเช่นนี้ ข้อกฎหมายกับหลักปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่นั้น ทำให้ค่อนข้างสุ่มเสี่ยง

ดังนั้นวันนี้จึงเป็นกรณีตัวอย่าง ให้กับน้อง ๆ เจ้าหน้าที่อุทยานทุกคนว่าอย่าท้อ ในสิ่งที่เราปฏิบัติอยู่ น้อง ๆ ทุกคนผู้พิทักษ์ป่าทุกคน เราปกป้องป่า เราดูแลสัตว์ป่า ดูแลน้ำ เพื่อคนทั้งประเทศ เราก็จึงมีความหวังว่าในชั้นอุทธรณ์ศาลจะเมตตาขอให้เรามีที่ยืนในสังคมบ้างขณะที่เราทำงาน

ช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ นายชัยวัฒน์ กล่าวย้ำอีกว่า “ ตัวเองไม่มีเจตนาที่จะไปทำร้ายใครทั้งนั้น และตัวเองไม่เคยจับกุมกลุ่มชาติพันธุ์ แม้แต่คนเดียว กระทั่งคนที่ไปทำร้ายป่า ที่ตัวเองดูแลจนสภาพยับเยินก็ตาม ตัวเองยังมีโอกาสต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ต่อไป “

ภาพ – วิชาญ โพธิ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง