เป็นอีกหนึ่งคดีที่สังคมจับตามองอย่างมาก สำหรับคดียิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงค์ ตำแหน่ง สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. ภายในงานเลี้ยงของ กำนันนก หรือ นายประวีณ จันทร์คล้าย ผู้กว้างขวางใน จ.นครปฐม ที่มีการเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่า 20 คน มาร่วมงานเลี้ยง ก่อนที่ลูกน้องคนสนิทของกำนันนก คือ “หน่อง ท่าผา” จะลั่นไกกระหน่ำยิง สารวัตรแบงก์
คดีนี้ร้อนถึงวงการสีกากี เนื่องจากเป็นคดีที่อุกอาจยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งที่ภายในงานเลี้ยงก็มีนายตำรวจหลายนายอยู่ในงานเลี้ยงด้วย แต่กลับปล่อยให้กลุ่มคนร้ายหลบหนีไปได้ รวมถึงข้อสงสัยถึงปมสังหารว่าแท้จริงแล้วมาจากเรื่องใดกันแน่
ซึ่งมีทั้งปมการขอย้ายตำแหน่งงานให้กับหลานกำนันนก ปมส่วยรถบรรทุกที่กำนันนกพยายามเสนอให้กับสารวัตรแบงก์ ยังรวมไปถึงประเด็นมีกลุ่มตำรวจช่วยเหลือกำนันนกในการหลบหนี และการทำลายพยานหลักฐานต่าง ๆ ในที่เกิดเหตุ
ลำดับเหตุการณ์วันเกิดเหตุ
ย้อนกลับไปเมื่อวันเกิดเหตุ คือ วันที่ 6 ก.ย.66 เวลาประมาณ 22.00 น. พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงในพื้นที่ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม ซึ่งเป็นบ้านของกำนันนก โดยมีผู้ถูกยิง 2 ราย คือ
- 1.พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. ถูกยิงทั่วร่างกาย 5 นัด เสียชีวิตในเวลาต่อมา
- 2.พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.2 บก.ทล. ถูกยิงบาดเจ็บบริเวณแขนซ้าย ถูกนำส่งโรงพยาบาล
มีรายงานว่า ก่อนเกิดเหตุ กำนันนก ได้เชิญกลุ่มของเจ้าหน้าที่ตำรวจมารับประทานอาหาร พร้อมพูดคุยกันที่บ้าน โดยอ้างว่าอยู่ในพื้นที่เดียวกัน จึงอยากทำความรู้จักกันไว้ แต่เมื่อกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึง ทางกำนันคนดังกล่าวกลับพยายามจะพูดคุยโน้มน้าวขอวิ่งเต้นโยกย้ายตำแหน่งให้พรรคพวกของกำนัน โดยอยู่ในสายงานสังกัดของ พ.ต.ต.ศิวกร (ผู้เสียชีวิต) แต่กลับถูกปฏิเสธ เนื่องจากเป็นที่รู้กันดีว่าตำรวจนายนี้เป็นคนตรงไปตรงมา
พร้อมทั้งมีการให้เหตุผลว่าต้องเป็นไปตามกฎข้อระเบียบของทางต้นสังกัด และดูกันที่ผลงานเป็นหลัก ทำให้กำนันคนดังกล่าวไม่พอใจ จนทั้งคู่เกิดมีปากเสียงกันรุนแรง ก่อนที่ กำนัน จะลุกออกจากโต๊ะอาหารไปด้วยท่าทีโกรธเคือง ไม่นานนักก็มีคนร้าย (หน่อง ท่าผา) เดินเข้ามาที่โต๊ะอาหารซึ่งกลุ่มตำรวจนั่งอยู่ ก่อนจะชักอาวุธปืนออกมากระหน่ำยิงใส่ตำรวจ จากนั้นหลบหนีไปทันที โดยหลังเกิดเหตุมีตำรวจบางส่วนได้พาผู้ถูกยิงนำตัวส่งโรงพยาบาล
นำไปสู่การออกหมายจับ
- กำนันนก : ในข้อหาเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่น
- นายธนัญชัย หมั่นมาก หรือ หน่อง ท่าผา : ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, พยายามฆ่าผู้อื่น, มีอาวุธปืนและกระสุนปืน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว โดยไม่มีเหตุจำเป็น เร่งด่วนตามมสมควรแก่พฤติการณ์ และ ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือ ที่ชุมนุมชน
‘กำนันนก’ มอบตัว – ‘หน่อง’ ถูกวิสามัญฯ
ภายหลังตำรวจได้ออกหมายจับในวันที่ 7 ก.ย.66 โดยในช่วงเย็นของวันดังกล่าว นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ ‘กำนันนก’ เดินทางเข้ามอบตัว พร้อมกับทนายความ ที่ สภ.เมืองนครปฐม ด้วยใบหน้าอิดโรย พร้อมปฏิเสธที่จะตอบคำถามกับสื่อมวลชน ก่อนเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเข้าไปห้องงานสืบสวน สภ. เมืองนครปฐมทันที
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าได้นำตัวของ กำนันนก มายังกองปราบฯ หลังทาง ผบ.ตร. มีคำสั่งให้โอนคดีจาก ตำรวจภูธรภาค 7 มาที่ตำรวจสอบสวนกลาง
ในขณะที่ ‘หน่อง ท่าผา’ ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ จ.462/2556 ลง 7 ก.ย.66 ถูก ชุดสืบสวนกองบัญชาการสอบสวนกลางเหตุวิสามัญฆาตรกรรม เนื่องจากคนร้ายต่อสู้ เหตุเกิดที่ซอยโรงเจร้าง หลังวัดพระแท่นดงรัง อ.ท่าเรือ จ.กาญจนบุรี
ตำรวจที่ไปร่วมงาน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ออกคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจทั้ง 25 นาย ที่เกี่ยวข้องและอยู่ในงานเลี้ยงของกำนันนก มาช่วยราชการที่ ศปก.ตร. ตรวจสอบสาเหตุ ความเกี่ยวข้องที่เข้าไปร่วมในงาน รวมถึงสาเหตุที่มีการปล่อยให้ผู้กระทำผิดได้หลบหนีไป มีการทำลายพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยตรวจสอบข้อเท็จจริงรายละเอียดแยกเป็นรายบุคคล
พร้อมแยกตำรวจทั้ง 25 นาย เป็น 3 กลุ่ม คือ
- 1.กลุ่มตำรวจที่ช่วยนำ สารวัตรแบงค์ ส่งโรงพยาบาล
- 2.กลุ่มตำรวจที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ร้ายหลบหนี (มี 6 นาย)
- 3.กลุ่มตำรวจในที่เกิดเหตุแล้วหนีกระเจิดกระเจิงไปเลย
โดยวันที่ 9 ก.ย.66 ศาลจังหวัดนครปฐม ออกหมายจับตำรวจ 6 นาย ในข้อหาละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ร่วมกันทำลายหลักฐาน และร่วมกันช่วยผู้อื่นกระทำความผิด ประกอบไปด้วย
- 1. ร.ต.ท.นิมิตร
- 2.ร.ต.อ.ณัฏฐพล
- 3.ร.ต.ท.ประสาร
- 4.ร.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์
- 5.ร.ต.ต.สรรเสริญ
- 6.พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์
พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดียิงสารวัตรแบงค์ สังกัดตำรวจทางหลวงเสียชีวิตในงานเลี้ยงกำนันนกคืนวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า จากการสืบสวนสอบสวน ขณะนี้เริ่มมีความชัดเจนเลี้ยงว่ามีตำรวจอยู่ร่วมงานเลี้ยงจำนวน 28 นายและพลเรือน 27 คน
ในจำนวนนี้มีตำรวจ 6 นายถูกแจ้งข้อหาและฝากขังไปแล้ว และมีข้าราชการของกรมราชทัณฑ์ 1 คน ส่วนพลเรือนขณะนี้ถูกดำเนินคดีฐานทำลายหลักฐานรวม 4 คน
ผบช.ภ.7 สั่งเด้ง ผู้การนครปฐม-ผกก.สภ.เมืองนครปฐม
วันที่ 11 ก.ย. พล.ต.ท ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 ได้มีคำสั่งตำรวจภูธรภาค 7 ที่ 626/2566 ให้ พล.ต.ต.จักรกฤษ เครือสุนทรวานิช ผบก.ภ.จว.นครปฐม และ พ.ต.อ.ภูภณ ทัพเจริญ ผกก.เมืองนครปฐม ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 7 โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (งานบริหาร) ที่รับผิดชอบงานศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 7 มอบหมาย โดยให้อยู่ในการกำกับดูแลของรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (งานบริหาร)
ทั้งนี้ เพื่อให้การสอบสวนคดีเกิดความโปร่งใส เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพในการสอบสวนคดี กำนันนก หลังปรากฏภาพ พล.ต.ต.จักรกฤษ และ พ.ต.อ.ภูภณ ไปร่วมงานเลี้ยงดังกล่าว จนทำให้ประชาชนเชื่อว่ามีความสนิทสนม และทำให้สังคมขาดความเชื่อมั่นในกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 7
‘ผกก.เบิ้ม’ ยิงตัวตาย
วันที่ 11 ก.ย.66 มีรายงานว่า พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงตัวเอง ภายในบ้านพักพื้นที่ย่านคูคต จ.ปทุมธานี ซึ่งเพื่อนที่ใกล้ชิดเชื่อว่ามีสาเหตุจากความเครียด หลังถูกพาดพิงว่าเป็นคนโทรศัพท์ตาม พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.กก.2 บก.ทล. ให้มาที่บ้านกำนันนก ก่อนถูกลูกน้องกำนันนก ยิงเสียชีวิต
มีรายงาน ว่า ก่อนก่อเหตุวันนี้ เจ้าตัวพิมพ์ไปในแชทกลุ่มไลน์ของเพื่อน นรต.รุ่น 55 ช่วงเช้า บอกว่า “จะฆ่าตัวตาย” ซึ่งเพื่อนในแชท ต่างก็ให้กำลังใจ และไม่มีใครคาดคิดว่า พ.ต.อ.วชิรา จะจบชีวิตแบบนี้
ทั้งนี้ผลการชันสูตรพลิกศพและผลการพิสูจน์หลักฐานชี้ว่า เป็นการยิงตัวเองเสียชีวิต แพทย์สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วระหว่าง 8-12 ชั่วโมง
…
คดีนี้ใกล้ได้ทราบความจริงทั้งหมดแล้ว ซึ่งหลักฐานสำคัญอีกหนึ่งชิ้นคือ เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดบ้านกำนันนกในช่วงเกิดเหตุ จะเป็นคำตอบที่อยู่ในคำถามทั้งหมดของคดีนี้ รวมไปถึงพยานบุคคลและพยานวัตถุต่าง ๆ
เชื่อว่าคดีนี้จะเป็นอีกเคสสำคัญที่ทำให้เกิดการปฏิรูปหน่วยงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานตำรวจ รวมถึงการปราบปรามผู้มีอิทธิพลต่าง ๆ