พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ได้รับรายงานแล้วถึงกรณี นายประวีณ หรือ กำนันนก ผู้ต้องหาตามหมายจับคดียิงตำรวจทางหลวงเสียชีวิต ประสานรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม เข้ามอบตัวที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐม โดยยืนยันว่า ไม่ใช่เงื่อนไขที่จะได้รับการประกันตัว ส่วน นายธนัญชัย หมั่นมาก มือปืนผู้ก่อเหตุ ที่ยังไม่ติดต่อเข้ามอบตัว ก็จะต้องติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี โดยไม่จำเป็นต้องสงสัญญาณใดไปยังผู้ก่อเหตุ แต่ได้กำชับผู้ใต้บังคับบัญชา ให้ระมัดระวังในการเข้าจับกุม เพราะผู้ก่อเหตุมีอาวุธ หากมีการต่อสู้ขัดขืน ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและอำนาจหน้าที่
ทั้งนี้ ส่วนตัวจะเดินทางไปยังสถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐม เพื่อติดตามคดีและตรวจสอบสำนวนการสอบสวนให้มีความรัดกุม เนื่องจาก กลุ่มผู้ต้องหา รู้จักข้าราชการในพื้นที่จำนวนมาก จึงต้องมีพยานหลักฐานยืนยันชัดเจน เพื่อให้สามารถสั่งฟ้องได้
นอกจากนี้ ต้องตรวจสอบกรณีที่มีตำรวจอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุถึง 21 คน แต่กลับได้รับรายงานจากกองพิสูจน์หลักฐานว่า พบร่องรอยการทำลายพยานหลักฐาน ทั้งการเช็ดคราบเลือด การถอดกล้องวงจรปิด จึงต้องตรวจสอบตำรวจแต่ละคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งในจำนวนนี้ มีตำรวจระดับผู้กำกับการ 3-4 คน อีกทั้ง บางคน มีต้นสังกัดอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่กลับพบไปปรากฎตัวในพื้นที่เกิดเหตุด้วย และยังมีผู้กำกับการสืบสวนจังหวัดนครปฐม ที่เป็นผู้รับผิดชอบงานสืบสวนของทั้งจังหวัด โดยจะต้องสอบสวนตำรวจทุกนาย ถึงสาเหตุที่ปล่อยให้มีการทำลายหลักฐาน และปล่อยให้ผู้ก่อเหตุหลบหนีไป โดยยืนยันว่า จะให้เรื่องนี้ เป็นกรณีตัวอย่าง หากพบตำรวจรายใด ปล่อยปละละเลย และมีความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ฯ ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนการสาเหตุที่มีการรวมกลุ่มของตำรวจทั้งหมด เบื้องต้น พบไปกินเลี้ยงกัน แต่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ว่ามีเรื่องการวิ่งเต้นแต่งตั้งโยกย้ายด้วยหรือไม่ โดยขอตรวจสอบรายละเอียดก่อน
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังสั่งการให้ทุกพื้นที่ เข้มงวดกวดขันผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น โดยต้องปิดล้อมตรวจค้นแหล่งมั่วสุม และปราบปรามอาวุธปืน โดยมองว่า หากผู้กำกับการและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดต่าง ๆ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง จะไม่มีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ หากพบ ก็ต้องถูกดำเนินการทั้งทางปกครองและวินัย