วันนี้ (18 ส.ค. 66) พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ได้เรียกคู่กรณีคือ นายแซม วัย 23 ปี คนขับรถกระบะ และตัวแทนของนางสาวซุน วัย 38 ปี เจ้าของรถโรลส์ รอยส์ ชาวจีน มาเจรจาเพื่อหาข้อยุติเรื่องการชดใช้ค่าเสียหาย
จากกรณีที่รถระบะขับพุ่งชนท้ายรถโรลส์รอยส์ โดยฝ่ายรถโรลส์รอยซ์ มีตัวแทนเจ้าของรถ คือ นายอนิรุจน์ คงทรัทย์ ทนายความ และตัวแทนประกันภัย (บ.กรุงเทพประกันภัย) ส่วนฝ่ายรถกระบะ มีนายแซม คนขับ ญาติ และนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ มาร่วมกันเจรจาไกล่เกลี่ยกัน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย
หลังการเจรจาไกล่เกลี่ย นางสาวชนิดา คำแสง น้าของนายแซม เป็นตัวแทนกล่าวขอโทษและยอมรับผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายแซมไม่ได้ร่วมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน วันนี้มาเสียค่าปรับ 1,000 บาท ในฐานความผิดข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย
ซึ่งฝ่ายบริษัทประกันภัยของผู้เสียหายจะแจ้งว่าต้องชดใช้เท่าใด แต่ต้องรอการประเมินราคาอีก 2-3 วัน เบื้องต้นอาจจะต้องขายซากรถกระบะเพื่อนำเงินไปชดใช้ และคงต้องเจรจาว่าต่อจากนั้นจะสามารถผ่อนจ่ายรายเดือนเท่าไหร่ ซึ่งนายแซมมีทรัพย์สินเป็นรถกระบะดังกล่าวเพียงคันเดียว ไม่ได้มีทรัพย์สินอื่น ตัวนายแซมมีอาชีพหาเช้ากินค่ำไม่ได้มีเงินอะไรมากมาย
ด้านนายอนิรุจน์ คงทรัพย์ ทนายความ ผู้ได้รับมอบอำนาจจากนางวาวซุน เจ้าของรถโรลส์ รอยส์ เปิดเผยว่า นายแซมอยากให้ผู้เสียหายช่วยออกค่าใช้จ่ายเพราะตัวเองไม่มีรายได้มากพอจะนำไปชดเชย ซึ่ง นางสาวซุนกำลังรอประเมินราคาค่าซ่อมรถ เพื่อพิจารณาว่าจะสามารถช่วยเหลืออย่างไรได้บ้าง เพราะนางสาวซุนจะต้องออกค่าใช้จ่ายส่วนนี้เอง ซึ่งจากการประเมินราคาค่าซ่อม เบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท
กรณีที่สังคมและโลกโซเชียลมีข้อสงสัยว่า ฝ่ายเจ้าของรถโรลส์ รอยส์ เป็นทุนจีนสีเทาหรือไม่ นายอนิรุจน์ชี้แจงว่า นางสาวซุน และสามีเคยมาเที่ยวประเทศไทยแล้วเกิดหลงรัก ตัดสินใจย้ายมาอยู่และทำธุรกิจที่ประเทศไทยทั้งครอบครัว โดยมีนางสาวซุน สามี และลูกอีก 2 คน
โดยนางสาวซุนมีธุรกิจร้านอาหารหลายสาขาในประเทศไทย หลักๆ จะมีอยู่ในจังหวัดชลบุรีและกรุงเทพมหานคร ส่วนสามีทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีน ยืนยันว่ามีรายได้จากอาชีพสุจริตไม่ได้เป็นทุนจีนสีเทาตามที่สงสัยกัน