หัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่ รับยินดีจับมือเพื่อไทยตั้งรัฐบาลหลังได้รับการติดต่อ ไม่ติดปมเศรษฐา-ดึงพรรคขั้วรัฐบาลเดิมร่วม เชื่อเพื่อไทยละลายความขัดแย้ง เอาศัตรูมาเป็นมิตรทำตั้งรัฐบาลลุล่วง
นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่ เปิดเผยก่อนแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคเพื่อไทยว่า ได้รับติดต่อมาจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งตนได้ตอบรับไปเรียบร้อยแล้ว ยืนยันว่าไม่มีเงื่อนไขยินดีเข้าร่วม เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด
ส่วนติดขัดอะไรหรือไม่หากเพื่อไทยจะไปขอเสียงจากพรรคพวกรัฐบาลเดิม นายเชาวฤทธิ์กล่าวว่า ไม่ติดขัดที่พรรคเพื่อไทยจะไปขอเสียงจาดพรรคร่วมรัฐบาลเดิม เพื่อไทยเขาละลายพฤติกรรมความขัดแย้ง เอาศัตรูมาเป็นมิตร ก็สามารถที่จะทำได้ เพื่อให้การ ตั้งรัฐบาล สำเร็จลุล่วงเป็นไปด้วยดีมีเสียงสนับสนุนพอ
เมื่อถามว่าตอนนี้มีเสียงสนับสนุนพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายเชาวฤทธิ์ระบุว่า พรรคเพื่อไทยบอกว่าเสียงน่าจะพอ
ส่วนจะมีความกังวลไหมเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย และจะทำให้โหวตไม่ผ่านในครั้งที่ 3 นั้น นายเชาวฤทธิ์ กล่าวว่า ไม่กังวลเพราะการร้องเรียนเป็นเรื่องธรรมดาของการเสียภาษี ของเขาอยู่กรมสรรพากรมีเรทการเสียภาษีของเขาอยู่ และคิดว่านายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย จะไม่กังวล และตนก็ไม่ติดใจในเรื่องนี้ เชื่อว่า นายเศรษฐา มีคุณสมบัติครบถ้วน
ส่วนเสียงสนับสนุนในการโหวตนายกรัฐมนตรีครบแล้วหรือไม่ นายเชาวฤทธิ์ ระบุว่า ตนก็หวังเสียงจาก สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยได้ประสานอยู่ และคาดว่าน่าจะได้เสียงเพียงพอในครั้งนี้ ตนมั่นใจ และไม่ได้สอบถามว่าพรรคเพื่อไทยได้นำพรรคไหนมาเพิ่มเพราะเป็นสิทธิ์ของพรรคเพื่อไทย ในการนำพรรคไหนเข้ามาร่วมเพื่อให้การตั้งรัฐบาลสำเร็จไปได้ด้วยดี
เมื่อถามถึงการที่พรรคเพื่อไทยจะแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับซึ่งสว.มองว่าอาจเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้ง สมควรแก้ไขในช่วงนี้หรือไม่ นายเชาวฤทธิ์ กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญ ใช้เวลาแก้อย่างน้อย 2 ปี ซึ่งสว.จะหมดวาระในวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 สว.จึงไม่น่าจะกังวล รอจนมีผลบังคับใช้ เพราะหากแก้รัฐธรรมนูญและรอให้มีผลบังคับใช้ก็จะใช้เวลาประมาณ 3 ปีกว่า เกือบ 4 ปี
เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลควรช่วยโหวตสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายเชาวฤทธิ์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าพรรคก้าวไกลอยากจะสอบถาม สส.ในพรรคเขาก่อน ว่าจะมีมติสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนก็เป็นเอกสิทธิ์ของ สส. แต่ละท่าน
เมื่อถามว่า หากมีการจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จอาจจะเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ และเกิดปัญหาในการบริหารงาน นายเชาวฤทธิ์ กล่าวว่า ไม่ปริ่ม คาดว่าจะมีเสียง 260-270 เสียง เมื่อรัฐบาลเดิมก็มี 255-256 เสียงก็อยู่ได้ครบ 4 ปี มันอยู่ที่ส.สใน พรรคร่วมรัฐบาลจะมีความขัดแย้งกันหรือไม่