คัดลอก URL แล้ว
DSI เร่งขยายผลกลุ่มบิ๊กนายทุน เบื้องหลังขบวนการหมูเถื่อน 161 ตู้

DSI เร่งขยายผลกลุ่มบิ๊กนายทุน เบื้องหลังขบวนการหมูเถื่อน 161 ตู้

จากกรณี​ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รับคดีขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมายเป็นคดีพิเศษที่ 59/2566 และได้ทำการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุเนื้อสุกรแช่แข็ง จำนวน 161 ตู้ เสร็จสิ้นแล้ว โดยอยู่ระหว่างขั้นตอนที่กรมปศุสัตว์จะนำเนื้อสุกรแช่แข็งดังกล่าวไปทำลายตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ขณะที่ดีเอสไอได้เร่งสืบสวนสอบสวน พบพฤติการณ์ว่าขบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) ดังกล่าว มีรูปแบบการกระทำความผิดเริ่มจากบริษัทผู้นำเข้าจะสั่งของจากต่างประเทศ โดยมีเรือรับขนจากต่างประเทศเข้ามาที่ท่าเรือแหลมฉบังและมีการหลบเลี่ยงการสำแดงสินค้า อ้างว่าเป็นสินค้าแช่แข็งชนิดอื่น ๆ จากนั้นจะมีห้องเย็นมารับสินค้าแล้วกระจายไปยังกลุ่มผู้ค้าคนกลาง นำไปจำหน่ายให้กับรายย่อย ผ่านช่องทางโชเซียล เช่น กลุ่มทาง Facebook เป็นต้น ทั้งนี้ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สั่งการให้คณะพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนขยายผล ไปถึงการจับกุมห้องเย็นที่ตรวจพบซากสุกรลักลอบนำเข้ามาจากต่างประเทศทั้งในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร นครปฐม สมุทรปราการ เพื่อหาความเชื่อมโยงของเครือข่ายขบวนการดังกล่าว ตามที่มีการรายงานข่าวไปอย่างต่อเนื่องนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีหมูเถื่อน ว่า สำหรับกรณีเรื่องมีการพบกลุ่มนายทุนประมาณ 2-3 รายเข้ามาเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรแช่เเข็งนั้น ข้อเท็จจริงต้องเรียนให้ทราบว่าในจำนวนตู้คอนเทเนอร์ทั้ง 161 ตู้ มีบริษัทนำเข้าสินค้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องจำนวน 11 แห่ง ซึ่งในจำนวนนี้จะมี 4-5 บริษัทขนาดใหญ่ที่รับหน้าที่นำเข้าอาหารแช่เเข็ง (Frozen Food) หรือพูดภาษาบ้านๆคือ ขาใหญ่ในวงการนำเข้าสินค้าอาหารแช่เเข็ง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่านายทุน 4-5 รายนี้ไม่ใช่กลุ่มนักการเมือง ส่วนพฤติการณ์ที่ดีเอสไอพบ คือ บริษัทเหล่านี้มีการนำเข้าสินค้าแช่เเข็งบ่อยครั้ง ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะมีหลุดรอดไปหลายส่วนบ้างแล้ว จนเหลือเพียง 161 ตู้ที่เจ้าหน้าที่ติดตามพบ อีกทั้งจากข้อมูลที่ระบุว่ามีการนำเข้าสินค้าแช่เเข็งจำนวนมากนั้น บางรายการก็สำแดงเป็นอาหารแช่แข็งประเภทเนื้อปลา เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี ดังนั้น สินค้าเหล่านี้จะผ่านเข้าช่องสินค้ายกเว้นการตรวจ หรือ GREEN LINE

“บริษัทขนาดใหญ่ 4-5 แห่งนี้เกี่ยวข้องกับขบวนการนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน เพราะมีพฤติการณ์นำเข้าจำนวนมาก และในห้วงสัปดาห์หน้าคณะพนักงานสอบสวนจะมีการประชุม เพื่อมีมาตรการเข้มข้นในการดำเนินการกับบริษัทขนาดใหญ่เหล่านี้ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นบริษัทของไทย และมีเเหล่งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล” พ.ต.ต.ณฐพล ระบุ

พ.ต.ต.ณฐพล ยังเผยอีกว่า นอกจากขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อนแล้ว เรายังพบว่ามีขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อวัวในพื้นที่ภาคใต้อีกด้วย เบื้องต้นพบว่าเป็นการนำเข้าในลักษณะกองทัพมดผ่านห้องเย็น บรรจุในกล่องเหมือนที่ท่าเรือแหลมฉบัง และนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นการพบโดยสามหน่วยงาน ได้แก่ กรมปศุสัตว์ กรมศุลกากร และดีเอสไอ (ศูนย์ปฎิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้) ส่วนจำนวนปริมาณเนื้อวัวที่มีการลักลอบนำเข้านั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของกรมศุลกากรและกรมปศุสัตว์ และตนยังได้รับรายงานว่าทางกรมศุลกากรอาจจะมีการตรวจยึดไปบ้างแล้ว ทั้งนี้ ทางกรมศุลกากรกับกรมปศุสัตว์อาจจะมีการรายงานแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ให้ดำเนินการ เนื่องจากในกรณีที่ดีเอสไอจะเข้าไปร่วมบูรณาการหรือรับเป็นคดีพิเศษ จะต้องมีความเสียหายมากกว่า 30 ล้านบาท จากนั้นพนักงานสอบสวนในท้องที่จึงจะประสานและส่งสำนวนมาให้ดีเอสไอรับหน้าที่ต่อเหมือนกับคดีขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน 161 ตู้

เมื่อถามว่าสำนวนคดีที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แหลมฉบัง เป็นอย่างไรบ้างนั้น พ.ต.ต.ณฐพล เผยว่า เจ้าหน้าที่ สภ.แหลมฉบัง ได้มีการสอบปากคำเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรในฐานะผู้กล่าวหาไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการสอบปากคำ ภาพรวมเนื้อหาที่พบคือสอบในประเด็นลักษณะความผิดเฉพาะบริษัท แต่ในส่วนที่ดีเอสไอต้องดำเนินการต่อคือการสอบสวนขยายผลไปถึงตัวการผู้อยู่เบื้องหลัง โดยเราจะเริ่มจากการสอบปากคำบริษัทสายเรือทั้ง 17 แห่งในฐานะพยานก่อน เพื่อขอข้อมูลในประเด็นที่ว่ามีบริษัทใดทำการสั่งสินค้า และบริษัทใดที่มาว่าจ้างให้สายเรือไปรับสินค้า และรับสินค้าที่ไหน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ดีเอสไออยู่ระหว่างรอเอกสารที่ได้ส่งไปยังบริษัทสายเรือทั้ง 17 แห่ง โดยเป็นเอกสารเกี่ยวกับบริษัทผู้ว่าจ้างให้ขนส่งสินค้า และสินค้าดังกล่าวที่ได้รับว่าจ้างเป็นสินค้าประเภทไหน คาดว่าจะได้รับครบถ้วนภายในสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ ภายหลังรับเอกสารชี้แจงครบถ้วนจาก 17 สายเรือแล้ว ดีเอสไอจะดำเนินการตรวจสอบเอกสาร จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการออกหมายเรียกพยานแก่สายเรือทั้ง 17 แห่ง เพื่อให้เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงตามเนื้อหาภายในเอกสาร ถัดไปจึงจะออกหมายเรียกพยานแก่บริษัทชิปปิ้งเอกชนทั้ง 11 แห่งให้เข้าให้ปากคำ

เมื่อถามว่าทางการข่าวของดีเอสไอในขณะนี้พบว่ามีกลุ่มนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อนบ้างหรือไม่ พ.ต.ต.ณฐพล ชี้แจงว่า ในขณะนี้ยังไม่พบ มีเพียงสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติที่ให้ข้อมูลผ่านการให้สัมภาษณ์สื่อ ยังไม่ได้มอบพยานหลักฐานเอกสารใดกับดีเอสไอ ดังนั้น ในตอนนี้ดีเอสไอตามนโยบายของ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีดีเอสไอ ได้เปิดช่องทางทั่วทุกภูมิภาคให้ประชาชนหรือผู้เกี่ยวข้อง สามารถแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อพนักงานสอบสวนดีเอสไอจะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปสืบสวนและขยายผลต่อไปได้ว่ามีนักการเมืองรายใดเข้ามาเกี่ยวข้องพัวพันหรือไม่


ข่าวที่เกี่ยวข้อง