สืบเนื่องจากนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ได้ให้ความสำคัญกับการกวาดล้างอาชญากรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมที่เกิดจากการใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ผิดกฎหมาย รวมถึงการลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนและกระสุนปืนผิดกฎหมายทางช่องทางออนไลน์
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาครอบครองอาวุธปืน-เครื่องกระสุนปืนผิดกฎหมาย โดยมีเป้าหมาย 3 จุดด้วยกันคือ
- บ้านพักในซอยลาดพร้าว 87 เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร
- บ้านพักในพื้นที่ ต.บางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี
- บ้านพักในพื้นที่ ต.ท่าเสม็ด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช
โดยในจุดแรก บริเวณบ้านพักในซอยลาดพร้าว 87 ตรวจพบของกลางเป็นอาวุธปืนพกสั้น ขนาด .45 จำนวน 1 กระบอก และ อาวุธปืนพกสั้น 9 มม. จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนหลากหลายขนาด ตั้งแต่สำหรับอาวุธปืนพกสั้นไปจนถึงกระสุนสำหรับอาวุธสงคราม จำนวนกว่า 30,000 นัด นายศัลย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี
ส่วนในจุดที่ 2 ที่จ.ปทุมธานีนั้น ภายหลังจากเข้าตรวจค้นบ้านพักแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.บางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี จับกุม นายนิพนธ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นผู้ครอบครองเครื่องกระสุนปืน ขนาด .380 จำนวน 18 นัด และ เครื่องกระสุนปืนขนาด .38 special จำนวน 6 นัด
และในจุดสุดท้ายคือ บ้านพักแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ท่าเสม็ด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช จับกุม นายวีระศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี เป็นผู้ครอบครองเครื่องกระสุนปืน ขนาด .38 จำนวน 1 นัด
สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณพฤษภาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอท. ได้ทำการสืบสวนติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มจำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนผิดกฎหมายผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย จากการสืบสวนพฤติการณ์พบว่า เมื่อมีผู้สนใจและแจ้งความต้องการที่จะสั่งซื้ออาวุธปืนหรือกระสุนเข้าไปในกลุ่ม ก็จะมีแอดมินคอยทำการดึงผู้ที่สนใจเข้ากลุ่มไลน์ ที่มีชื่อว่า “บริษัทโคตรเสี่ยง V.7” (ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 300 ราย) ภายในกลุ่มมีการประกาศขายอาวุธปืนไม่มีทะเบียน อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ และเครื่องกระสุนปืนกันอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นการซื้อขายกันอย่างเปิดเผย
จากการล่อซื้อของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่า การซื้อขายผ่านกลุ่มไลน์ดังกล่าวผู้ซื้อสามารถได้อาวุธปืนและกระสุนปืนจริงตามที่สั่งซื้อ ทำให้กลุ่มไลน์ดังกล่าวได้รับความนิยมจากกลุ่มคนที่สนใจสั่งซื้ออาวุธปืนและกระสุนปืนทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอท. จึงได้เร่งรัดทำการสืบสวนหาตัวบุคคลที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มไลน์ดังกล่าว และจากการสืบสวนเส้นทางการเงิน พบว่าในห้วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา มีเงินหมุนเวียนจากการจำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนทั้งสิ้นกว่า 10 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มลูกค้าที่สั่งซื้อกระสุนปืนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่น อายุประมาณ 15-20 ปี ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 21 ก.ค.66 กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. และ บก.ปอศ. กว่า 40 นาย ทำการตรวจค้นบ้านพักต้องสงสัยในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี และนครศรีธรรมราช ในจุดที่คาดว่ามีการเก็บครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนผิดกฎหมาย
โดยผู้ต้องหาส่วนหนึ่งให้การรับสารภาพว่าเครื่องกระสุนปืนที่มีไว้ในครอบครอง ตนเองได้สั่งซื้อผ่านทางช่องทางออนไลน์ โดยส่วนใหญ่เป็นช่องทางโซเชียลมีเดียที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ในขณะที่ผู้ต้องหาที่เป็นผู้จำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนผ่านทางช่องทางออนไลน์ เบื้องต้นให้การปฏิเสธว่า ลูกกระสุนปืนกว่า 30,000 นัด ตนไม่ได้มีไว้เพื่อจำหน่าย แต่มีไว้ใช้เอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. จะได้ทำการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานที่ได้จากการตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ นำไปชยายผลเพื่อติดตามจับกุมผู้ที่อยู่เบื้องหลังการจำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนผิดกฎหมายผ่านช่องทางออนไลน์ต่อไป