พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พบกับ ครอบครัวของนายฮันส์ ปีเตอร์ โดยมีการพูดคุยและประชุมกับตำรวจชุดทำงานนานกว่า 2 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 16.00น.ที่ผ่านมา
ภายหลังการประชุม พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่าชุดสืบสวนพบไทม์ไลน์ในหลายส่วนแล้ว รวมถึงที่สำคัญ คือ พบข้อมูลเส้นทางการเงินของนายฮันส์ ปีเตอร์ ที่ถูกโอนไปหลายบัญชี และล่าสุดได้อายัดบัญชีแล้ว หลังพบเงินถูกโอนออกไปประมาณ 3 ล้านบาท หลายบัญชี เบื้องต้นคาดว่าวันพรุ่งนี้จะสามารถขอศาลอนุมัติออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องได้บางส่วน แต่ยังไม่ขอระบุว่าเป็นใคร และมีจำนวนกี่คน เพราะกลุ่มคนดังกล่าวอยู่ในแก๊ง Outlaws หรือ แก๊งนอกรีต ในพื้นที่พัทยาและเป็นชาวต่างชาติ ประกอบกับกลุ่มคนเหล่านี้ มักจะพัวพันหลายเรื่องนอกกฎหมาย หรือเป็นมาเฟียและผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ แก๊งนี้มีอยู่ทั่วโลก โดยในประเทศไทยอยู่ในพื้นที่พัทยา
นอกจากนี้ในเรื่องของการสืบสวนได้มอบหมายให้ตำรวจชุดคลี่คลายคดี ไปหาข้อมูลแล้ว และในวันพุธที่ 12 กรกฎาคมนี้ จะเอาข้อมูลเข้ามาประชุมอีกครั้งทั้งหมด พร้อมทั้งได้ประสานและกำชับไปยัง ผกก.สภ.พัทยา ด้วย ว่าให้เข้มงวดและมีมาตรการป้องกันเกี่ยวกับเหตุลักษณะนี้ด้วย
ส่วนกระบวนการนี้มีคนไทยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า มีคนไทยเข้ามาเกี่ยวด้วยแน่ แต่ขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน โดยจากการสอบถามครอบครัวของนายฮันส์ ปีเตอร์ พบว่าทำธุรกิจหลายอย่าง แต่หลักๆ จะเกี่ยวกับเรื่องการซื้อขายที่ดิน ซึ่งล่าสุดได้พูดคุยกับทางครอบครัวว่า base โทรศัพท์ พบว่าอยู่ในพื้นที่แถบๆ จ.สระแก้ว แต่เชื่อว่าตัวยังคงวนเวียนอยู่ในพื้นที่ จ.ชลบุรี
นอกจากนี้ประเด็นของเพธา เป็นนางนกต่อที่ชี้เป้าหรือไม่นั้น เพธาเป็นคนชี้เป้าจริง แต่เจ้าตัวยังไม่ให้การใดๆ ทั้งสิ้น และไม่ได้หลบหนีไปไหน ที่สำคัญยังพบเงินโอนเข้าบัญชีของเพธา 8 แสนด้วย แต่เงินส่วนนี้มาจากไหนนั้น เจ้าตัวยังไม่ขอให้การ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างโอลาฟกับเพธา ทั้งสองคนรู้จักกัน แต่ถึงขั้นสนิทสนมทำธุรกิจด้วยกันหรือไม่ ยังไม่มีข้อมูล โดยในระหว่างนี้ได้ให้ตำรวจพื้นที่เข้าไปดูแลความปลอดภัยของครอบครัวนายฮันส์ ปีเตอร์แล้ว เนื่องจากตอนนี้ทางครอบครัวกังวลเรื่องความปลอดภัยอย่างมาก
ด้าน หลุยส์ ลูกชาย กล่าวว่ากำลังเรียนอยู่ที่ต่างประเทศ ไม่ค่อยรู้รายละเอียดของพ่อมากนัก แต่ส่วนตัวแล้ว ไม่เคยได้ยินพ่อพูดถึงโอลาฟ หรือ นายหน้าขายที่ดินที่อยู่กับพ่อเป็นคนสุดท้ายเลย ที่เรารู้ ก็คือพ่อเพิ่งเจอ โดยปกติพ่อจะเป็นคนที่ชอบทำอะไรคนเดียว ทำธุรกิจคนเดียวเสมอ ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรเลยจนกระทั่งครั้งนี้ ส่วนปัญหาที่พ่อพบ ระหว่างทำงานก็จะเป็นเกี่ยวกับความเห็นในด้านธุรกิจที่ไม่ค่อยตรงกัน ซึ่งมันเป็นเรื่องเล็กน้อย ก่อนหน้าที่พ่อจะหายไป ก็ไม่เห็นว่าจะมีเหตุการณ์แปลกไม่มี เบอร์โทรลึกลับโทรเข้ามาหาพ่อและไม่พบการโอนเงินที่ผิดปกติเลย แต่มีเบอร์โทรของคนคนนึง โทรเข้ามาหา จึงคิดว่า น่าจะเป็นสายสำคัญ
“ สำหรับครอบครัวเองก็ไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนก่อเหตุ ที่แต่ตำรวจบอกตนเองว่า มีชื่อของใครบางคน ที่อาจจะเป็นคนก่อเหตุได้ ซึ่งเขาบอกเราแค่นั้นและเราเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อยากให้ปล่อยพ่อกลับมา เพราะทุกคนเป็นห่วงมาก “
อย่างไรก็ตาม พ่อไม่ตนไม่เคยทำธุรกิจผิดกฎหมาย หลังจากนี้ก็กลับไปอยู่บ้าน เพราะสบายใจขึ้นแล้ว หลังจากได้รับการดูแลอย่างปลอดภัยจากตำรวจ