“ซินแสเป็นหนึ่ง วงษ์ภูดร” กว่าจะเป็นหมอดูลายเซ็นปัง โหงวเฮ้งนำโชค ฮวงจุ้ย ไปจนถึงโลโก้ ทำให้มีชื่อเสียงในทุกวันนี้ ได้ผ่านบททดสอบชีวิตจริงที่ยิ่งกว่าละคร จากเด็กหนีออกจากบ้านเอาชนะความลำบากค้นหาความสำเร็จ สู่หมอดูแถวหน้าของไทย
ทำให้ดีที่สุดกับสิ่งที่ทำ ถ้ารู้ว่าไม่ใช่ก็ต้องหาทางไปต่อ
ก่อนที่จะเป็นซินแสชื่อดัง ตอนเด็กๆ ซินแสเป็นหนึ่ง พ่อของเค้าทำอู่ซ่อมรถและอยากให้เค้าทำอาชีพนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เค้าไม่ชอบ แต่เค้าเผยถึงวิธีคิดในการใช้ชีวิตอยู่ให้ได้ว่า แปลสภาพให้ได้ คิดว่าถ้ามันจะต้องทำ ก็ต้องทำให้ดีที่สุดกับสิ่งที่ทำ มีความพยายามกับทุกสิ่ง ลงมือทำก็ทำอย่างมุ่งมั่น แต่ทำไปแล้วเมื่อรู้สึกว่ามันไม่ใช่ก็ต้องหาทางไปต่อ เช่น อย่างเค้าเองทำอู่ซ่อมรถตัวมอมแมม แต่ในใจอยากจะไปทำผม ความสวยงาม ที่หลายๆ คนอยากจะเป็น หรืออยากจะทำอะไรในเรื่องของเสื้อผ้า เรื่องสิ่งต่างๆ แต่ตอนนั้นเค้าก็เลือกไม่ได้ เพราะพื้นฐานครอบครัวไม่ได้เป็นคนรวย แต่ท้ายสุดก็ตัดสินใจหนีออกจากบ้าน
คิดผิดมาตลอดว่าแม่และคนที่บ้านต้องด่าว่าเรา
ซินแสเป็นหนึ่ง หนีออกจากบ้านตั้งแต่อายุ 15 ปี เพราะต้องการพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็นว่า ชีวิตของเค้าสามารถประสบความสำเร็จได้ โดยไม่ต้องพึ่งอาชีพที่บ้านก็คือ อู่ซ่อมรถ ซึ่งพ่อของเค้าได้เคยพูดเอาไว้ว่า ไม่มีอาชีพไหน ที่จะดีที่สุดเท่ากับอาชีพที่เค้าสร้างให้ ก็คืออู่ซ่อมรถ และพ่อของเค้าในตอนนั้นก็รับไม่ได้ที่เค้าเป็น LGBTQ จึงยิ่งทำให้ ซินแสเป็นหนึ่ง ตัดสินใจเด็ดขาดเก็บกระเป๋าหนีออกจากบ้านไป ออกไปก็ทำทุกอาชีพ ตั้งแต่ ก่อสร้าง แบกปูน ยกอิฐยกอิฐ เหนื่อยแค่ไหนก็ไม่กลับ ปูนกระสอบแรกแบกพร้อมน้ำตา และชีวิตตกต่ำจนถึงขั้นนอนป้ายรถเมล์
เหลืองเงิน 5 บาท สุดท้ายและได้ตัดสินใจโทรหาแม่ คิดว่ายังไงก็ต้องโดนแม่ด่า แต่คิดผิด เพราะคำแรกที่ได้ยินจากปากแม่คือ กินอิ่มนอนหลับมั้ยลูกและแม่ก็ร้องไห้
ทำให้รู้ว่ากับสิ่งที่เราคิดว่า เห้ย! แม่ต้องด่ากูแน่เลยอะ แม่ต้องด่าลูกไปอยู่ไหน แม่ต้องแบบทำไมเป็นคนแบบนี้ที่ผ่านมาเราคิดผิดมาตลอด ตอนนั้นเป็นความรู้สึกว่าฉันต้องคว้าความสำเร็จกลับไปให้พ่อแม่ได้ชื่นชม
ติดตามเรื่องราวชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร จากเด็กหนีออกจากบ้าน สู่หมอดูแถวหน้าของไทย “ซินแสเป็นหนึ่ง วงษ์ภูดร” ในรายการ “DNA TALK บุกคนต้นแบบ” วันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายนนี้ เวลา 17.30 น. ทางช่อง MONO29