นาย สุรชัย หรือ อาฟู่ ชาวตำบลเทิดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จว.เชียงรายถูกตำรวจควบคุมตัวตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ข้อหา“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น , ร่วมกันเป็นอั้งยี่ , ร่วมกันเป็นซ่องโจร , ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และร่วมกันฟอกเงินฯ” จับกุมตัวบริเวณ หน้าหอพักคนงาน เลขที่ 356/28 หมู่ 8 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จว.ชลบุรี
คดีนี้สืบเนื่องจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์( scammer ) ออกระบาดหนักในช่วงปี 65 จนปัจจุบัน สร้างโปรไฟล์หนุ่มหล่อ/สาวสวยปลอมขึ้นมาออกอุบาย ทำทีเข้ามาติดต่อพูดคุย ตีสนิทจนกลุ่มเหยี่อผู้เสียหาย จนเหยื่อตายใจ บางรายถึงขั้นหลงรัก หลอกให้ร่วมลงทุนจนหมดตัว สูญเงินหลายล้านบาท สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. (PCT) สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดที่ 5 นำชุด PCT5 เร่งติดตามสืบสวน ขยายผล จนสามารถออกหมายจับสมาชิกแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ และสามารถเข้าจับกุมเครือข่ายสมาชิกได้อย่างต่อเนื่อง จำนวน 6 ราย โดยได้ให้ข้อมูลว่าตัวการสำคัญ คือ นายสุรชัย – นายสุรจิต แซ่จาง 2 พี่น้องล่ามภาษาไทย-จีน คนสนิท BOSS ใหญ่มังกรจีน ตัวสำคัญในขบวนการนี้ ซึ่งทำหน้าที่แปลเทคนิค ขั้นตอนการเรียนรู้ การพูดจูงใจ สร้างแรงบันดาลใจ ในการนำมาใช้หลอกลวงเหยื่อโดยเฉพาะ จาก BOSS ใหญ่ให้แก่พนักงานลูกจ้างที่ทำหน้าที่ แถว 1 แถว 2 แถว 3 อย่างเป็นระบบไม่ต่างจากบริษัททั่วๆไป
เบื้องต้นนายสุรชัย ให้การภาคเสธว่า ประมาณปี 64 นายสุรชัยฯ พร้อมกับนายสุรจิต แซ่จาง น้องชาย ได้สมัครงานผ่านเฟสบุ๊ค เพื่อไปเป็นล่ามแปลภาษา จีน-ไทย ที่สีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา โดยจะได้ค่าตอบแทนประมาณ 3๐๐๐๐ – 40000 บาท เมื่อตนกับนายสุรจิตฯ เดินทางไปถึงกัมพูชาปรากฏว่า ถูกพาไปทำงานที่ “เกาะกง” แทน โดยทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษาจีนจากหัวหน้าชาวจีน ซึ่งไม่ทราบชื่อจริง แต่พนักงานที่นั้นจะเรียกกันว่า “หยู่เกอ” โดยตนจะทำหน้าที่ล่ามแปล คำพูดของนายหยู่เกอเป็นภาษาไทยให้กับพนักงานที่ทำงานที่นั่น โดยทราบว่า ที่คนไทยไปทำงานนั้น เป็นงานในลักษณะคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้ลงทุนซื้อขายเงินสกุลดิจิทัล คริปโตเคอเรนซี่ ซึ่งนาย “หยู่เกอ” เป็นคนสร้างแอพพลิเคชั่นปลอมนี้ขึ้น หลังจากตนทำงานได้ 6 เดือน ได้หลบหนีกลับประเทศไทย และได้สร้างครอบครัว เปิดกิจการร้านเหล้า ณ ภูมิลำเนาของตน ใน ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย และต่อมาตำรวจได้สืบสวนและทราบว่า นายสุรชัยฯ มาทำธุระ ในพื้นที่ อ.ศรีราชา จว.ชลบุรี จึงได้เข้าทำการควบคุมตัวและจับกุมนายสุรชัยฯ ส่งนำพนักงานสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาฯ จว.ปทุมธานี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทราบว่า แผนประทุษกรรมของแก็ง scammer กลุ่มนี้จะเป็นเริ่มเปิดปฏิบัติการโดยจะใช้โปรแกรมสร้างแฟลตฟอร์มปลอมที่ชื่อว่า “surlars-pro.com” และ “biteeb.com” เพื่อหลอกให้ลงทุนซื้อขายเหรียญคริปโตฯ จากนั้น นาย “หยู่เกอ” boss ใหญ่ชาวจีน จะให้นายสุรชัยฯ ผู้ถูกจับ และนายสุรจิตฯ ทำหน้าที่ล่ามในการแปล ถอดคำพูดและวิธีการสอนให้พนักงานที่มาทำงานสร้างโปรไฟล์ หนุ่มหล่อ สาวสวย หน้าตาดี ทางแอพพริเคชั่นผ่านทางกูลเกิ้ลหรือโปรแกรมมาริโอ้ที่สร้างไว้โดยเฉพาะ เช่น twitter 10-40 บัญชี และ Instragram 1 บัญชี และ facebook 1 บัญชี โดยเฉพาะการสมัครแอพพลิเคชั่น twitter จะมีระบบโปรแกรมมาริโอ้ที่สร้างไว้สุ่มเข้ามาพูดคุยและทักทายทำความรู้จัก ตีสนิท follow เหยื่อก่อน เมื่อเหยื่อรับเป็นเพื่อนและ follow คนร้ายกลับมา จะมีข้อความที่ตั้งไว้ตอบกลับอัตโนมัติในลักษณะคำทักทายเป็นประจำทุกวันอย่างต่อเนื่อง จนเหยื่อเริ่มพูดคุย มีการสนทนาโต้ตอบ กลุ่มมิจฉาชีพจะเริ่มใช้จิตวิทยาและประสบการณ์ที่ได้รับการถ่ายทอดจาก boss ในการสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล อาทิ ชื่อ อายุ งาน ประเทศ เบอร์โทร วอทแอพ (WhatsApp) หากเหยื่อรายใดเริ่มมีความคุ้นเคย จะถามถึงสภาพคล่องทางการเงิน รายรับ-รายจ่ายของเหยื่อ จนกลุ่มแก็ง scammer กลุ่มนี้ สามารถวิเคราะห์และประเมินได้ว่า เหยื่อรายได้มีความสามารถหรือกำลังในการลงทุน จะเข้าสู่โหมดการชักชวนร่วมลงทุนให้เหยื่อโหลดแพลตฟอร์ม bitkub , M.omxmax , Binace และ Letraders พร้อมทั้งสอนวิธีการซื้อขายเงินสกุลดิจิทัลคริปโตเป็น USDT,LTC,GLOE,BTC,ETH, WPE แนะนำเชิญชวนให้ลงทุนโอนเงินดอลล่าร์และจะให้เห็นว่าลงทุนแล้วได้กำไรและถอนเงินได้จริง เปลี่ยนให้เป็นเงิน USDT พอเหยื่อลงทุนแล้ว ก็จะให้โอนเงิน USDT เข้าไปใน แพลตฟอร์ม ชื่อว่า “surlars-pro.com” และ“biteeb.com” ที่สร้างขึ้นปลอม เพื่อเป็นการเลี้ยงเหยื่อ ให้ลงทุนเพิ่ม นาย “หยู่เกอ” จะทำการหลอกลวงโดยสร้างกราฟปลอมแสดงกราฟขาขึ้นให้เหยื่อดูเพื่อแสดงยอดเงินกำไรโชว์ให้เหยื่อ เพื่อให้เหยื่อลงทุนเพิ่ม หากเหยื่อจะถอนเงินที่ได้จากผลกำไร ทางแก็งมิจฉาชีพนี้ จะมีการเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมเพื่อจ่ายเป็นค่าภาษี หากไม่ชำระภายในกำหนด ก็ไม่สามารถจะถอนเงินดังกล่าวได้ จึงเป็นการหลอกผู้เสียหายซ้ำไปซ้ำมา จนเกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก
พล.ต.ต.ธีรเดชฯ หัวหน้าชุด PCT 5 ฝากประชาสัมพันธ์หากมีเบาะแสสามารถติดต่อไปยัง สายด่วน 1441 ตำรวจไซเบอร์ หรือ ศูนย์ ศปอส.ตร. 081-8663000 ผู้เสียหายสามารถแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.com หากมีเบาะแสการกระทำความผิด โปรดแจ้งมายังเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที