นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายสนธิญา สวัสดี เดินทางไปยื่นหนังสือที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบพรรคเพื่อไทย ภายหลังจากที่ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ประกาศชะลอนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ท 10,000 บาท เข้าข่ายหลอกลวงประชาชน หรือจูงใจในการหาเสียงเลือกตั้งหรือไม่ ว่าอยากจะขอบคุณ นายสนธิญา ขยันทำหน้าที่ในการตรวจสอบประเด็นหาเสียงเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย ไม่ได้กังวลอะไร และเชื่อมั่นข้อกฎหมายกับข้อเท็จจริงชัดเจนอยู่แล้ว
ส่วนจะมีการดำเนินการอย่างไร ในการผลักดันนโยบายดังกล่าว ให้เป็นนโยบายรัฐบาล ในฐานะพรรคอันดับสอง นพ.ชลน่าน เผยว่า โอกาสจะนำนโยบายของพรรคเป็นนโยบายรัฐบาล ต้องให้เกียรติพรรคอันดับหนึ่ง ต้องมีการพูดคุยกัน จึงใช้คำว่าชะลอเพื่อการพูดคุยอย่างมีวุฒิภาวะ อีกทั้งนโยบาย กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ใช้งบกว่า 560 แสนล้าน ให้บรรลุเป้าหมายภายในหนึ่งปี ทางพรรคแกนนำหลักก็ต้องการใช้เงินส่วนนี้เช่นกัน
“พรรคเพื่อไทย ได้แจ้งให้ประชาชนได้ทราบว่า ต้องชะลอเพื่อนำไปพูดคุยกัน จะเป็นประเด็นร้องว่าโกหกประชาชนไม่ได้ เมื่อข้อเท็จจริงชัดตามข้อกฎหมาย ตนมั่นใจว่าไม่เข้าข่าย ฐานหลอกลวงประชาชน เพราะขั้นตอนจัดทำนโยบายสาธารณะ หาก นายสนธิญา ศึกษาลึกซึ้งเข้าใจประเด็น คงจะอายตัวเองที่ต้องไปร้องประเด็นนี้”
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวต่อว่า นายสนธิญา ทำหน้าที่ได้ดี แต่บางประเด็นที่ทำให้เกิดความสับสน ก่อความวุ่นวายในสังคม โดยเฉพาะสถานการณ์ส่งผลต่อการจัดตั้งรัฐบาล อีกทั้ง พรรคเพื่อไทย ได้แจ้ง กกต. รับทราบแล้วในการนำนโยบายดังกล่าวไปหาเสียง
ส่วนนโยบายการหาเสียงเลือกตั้งจะเป็นนโยบายรัฐบาลหรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ต้องจัดทำเป็นนโยบายรัฐบาล หากพรรคไหนสามารถครองเสียงข้างมากได้เหมือนสมัยพรรคไทยรักไทย ก็สามารถใช้เป็นนโยบายหลักได้ ส่วนนโยบายใช้หาเสียงเลือกตั้ง ต้องพูดคุยตกลงกันก่อน ขั้นตอนนี้ยังไม่ได้ดำเนินการ แต่เบื้องต้นหาข้อมูลประเด็นเชิงปัญหา เพื่อจัดทำนโยบายรัฐบาล ที่จะแถลงต่อรัฐสภาต่อไป
นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้กล่าวถึงนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เคยไปร้องต่อ กกต. ด้วยว่า ข้อกฏหมาย พ.ร.ป.คุ้มครองพรรคการเมือง มาตรา 101 หากใครฟ้องเท็จกับพรรคการเมือง พรรคการเมืองสามารถร้องเอาผิดกับผู้จงใจกันแกล้ง หรือทำให้พรรคเสียหายได้ ซึ่งจะมีโทษตัดสิทธิ์การเมือง 20 ปี ติดคุกไม่น้อยกว่าห้าปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยได้ดำเนินการไปแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้า
นอกจากนี้ เครือข่ายภาคประชาชน ได้เข้ามาสอบถามพรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้ง ว่าได้นำนโยบายภาคประชาชน บรรจุไว้ใน MOU นโยบายรัฐบาลทั้ง 23 ข้อหรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า เครือข่ายภาคประชาชนได้ยื่นข้อเรียกร้องและข้อเสนอต่อผู้บริหารที่จะมาเป็นรัฐมนตรี อยู่ใน MOU ที่ได้บันทึกไว้ร่วมกัน เพื่อผลักดันขับเคลื่อนไปสู่นโยบายรัฐบาล