สถานการณ์ปัญหาพลังงานไฟฟ้าไม่เพียงพอกับความต้องการในประเทศเวียดนามยังคงเป็นประเด็นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บางพื้นที่จำเป็นต้องเผชิญปัญหาไฟฟ้าดับ เร่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้า รณรงค์ประหยัดไฟฟ้า
…
ซึ่งแนวโน้มวิกฤติพลังงานไฟฟ้าไม่เพียงพอกับความต้องการในประเทศเวียดนามที่ยังคงมีส่อแววยืดเยื้อตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤษภาคม ก็ยังคงส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของชาวเวียดนาม รวมถึงภาคธุรกิจ
โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลายพื้นที่ทางภาคเหนือของเวียดนามต้องเผชิญกับปัญหาไฟฟ้าดับบ่อยครั้งโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า จนกระทบต่อโรงงานหลายโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัด Bac Ninh และ Bac Giang ทำให้ตัวแทนภาคธุรกิจได้รวมตัวกันยื่นหนังสือถึงกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม เพื่อให้ดำเนินการหากทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลานาน
ซึ่งเหตุไฟฟ้าดับล่าสุด เกิดขึ้นทางภาคเหนือของเวียดนามส่งผลให้โรงงานแคนนอน ในนิคมอุตสาหกรรม Que Vo ที่ตั้งอยู่ในจังหวัด Bac Ninh ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ถึงเวลา 05.00 น. ของวันอังคาร รวมระยะเวลากว่า 20 ชั่วโมง
โดยทางการไฟฟ้าของเวียดนามระบุว่า ในขณะนี้ พื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศ มีความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 445-450 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งกำลังผลิตที่มีในขณะนี้ ไม่เพียงพอกับความต้องการในบางช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้พลังงานสูงอย่างต่อเนื่อง
ปริมาณความต้องการไฟฟ้าสูงสุดของประเทศเวียดนามอยู่ที่ 924 กิโลวัตต์ชั่วโมงเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมเพิ่มขึ้นจากเดือน พ.ค. 2022 ถึง 10.5%
กระทบหลายภาคส่วน
หลายฝ่ายได้คาดการณ์ว่า หากสถานการณ์ไฟฟ้าดับยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง จะส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจของเวียดนามชะลอตัวลงในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในด้านอุตสาหกรรมของเวียดนามอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังพบปัญหาที่ส่งผลกระทบอื่น ๆ เช่น สัญญาณไฟจราจรไม่สามารถใช้การได้จากไฟฟ้าดับ สื่อสารในบางพื้นที่ล่ม ตู้เอทีเอ็มไม่สามารถใช้การได้ รวมถึงปัญหาไฟฟ้าริมถนนสายต่าง ๆ ที่ดับในช่วงหัวค่ำและกลางคืน
ซึ่งในช่วงสัปดาห์แรกของมิ.ย. ที่ผ่านมา หลายพื้นที่ก็ยังคงเผชิญไฟฟ้าดับสลับพื้นที่ เนื่องจากไฟฟ้าไม่เพียงพออย่างต่อเนื่อง
ความต้องการเพิ่มขึ้น สวนทางการแผนที่ล่าช้า
สาเหตุหลักของปัญหาการขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าในเวียดนามเป็นผลมาจากในช่วงฤดูร้อนจนถึงเดือน พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคประชาชนที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้การเปิดเครื่องปรับอากาศมีมากขึ้น
นอกจากนี้ ในแง่ของการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจที่มีโรงงานหลายแห่งเปิดเพิ่มมากขึ้น จากการลงทุนในช่วงหลังผ่านวิกฤติโควิด-19 รวมถึงการกลับมาเปิดทำการของบริษัท ห้างร้านต่าง ๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องภายหลังการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ของรัฐ
ผลกระทบจาก สภาพอากาศร้อนและแห้งแล้ง ทำให้โรงไฟฟ้าพลังน้ำของเวียดนาม เผชิญปัญหาไม่มีน้ำมากพอที่จะจ่ายให้มีการผลิตไฟฟ้าได้อย่างเต็มที่
ส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหิน ก็เผชิญปัญหาการจัดซื้อ-จัดหาถ่านหินที่ขาดแคลนถ่านหินที่จะนำเข้ามาใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า และโรงงานผลิตไฟฟ้าจากก๊าซ ก็เผชิญปัญหาราคาก๊าซที่พุ่งสูงขึ้น
ในขณะเดียวกัน แผนพัฒนาพลังงานไฟฟ้า ฉบับที่ 8 ของเวียดนามที่มุ่งเน้นการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศก็มีปัญหาล่าช้าไปกว่า 2 ปี ส่งผลให้การผลิตไฟฟ้าเติบโตไม่ทันตามเศรษฐกิจที่โตขึ้น
พลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้น แต่ไร้การควบคุม
ตามแผนพัฒนากำลังไฟฟ้า ฉบับที่ 8 ของเวียดนาม มีการเน้นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเช่น พลังงานลม และแสงอาทิตย์มากขึ้น และลดการใช้ถ่านหินลง ส่งผลให้มีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้ามากขึ้นอย่างมาก
โดยในปี 2018 ประเทศเวียดนามมีสามารถผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ได้เพียง 105 เมกะวัตต์ เท่านั้น แต่ในช่วงปี 2020 เพิ่มขึ้นเป็น 16 กิกะวัตต์ ซึ่งดูผิวเผินเป็นเรื่องที่ดีที่มีพลังงานสะอาดเพิ่มสูงขึ้น
แต่การเพิ่มสูงขึ้นนั้นไม่ได้มีการควบคุมที่ดีพอ หลายโครงการได้รับการอนุมัติให้ดำเนินโครงการได้ แต่ไม่ได้มีการตรวจสอบที่ดีผล ทำให้เมื่อมีการเชื่อมต่อเข้ากับระบบเพิ่มเติมสูงขึ้นอย่างมากจนส่งผลต่อระบบเผชิญภาวะ “Over Load” กลายเป็นปัญหาต่อระบบ ทำให้ต้องมีการสั่งหยุดการผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำชั่วคราว
ซึ่งในภายหลังก็ได้มีการจำกัดในบางโครงการที่จะต้องได้รับการตรวจสอบและอนุมัติก่อน
เดินหน้าโครงการ “ประหยัดไฟฟ้าแห่งชาติ”
จากปัญหาที่เกิดขึ้น รัฐบาลเวียดนามได้เปิดโครงการประหยัดไฟฟ้าแห่งชาติปี 2023 ขึ้น เพื่อลดการใช้พลังงานให้มีพลังงานไฟฟ้าเพียงพอมากยิ่งขึ้น โดยขอให้หน่วยงานทั้งรัฐ เอกชน และประชาชนร่วมกันประหยัดพลังงาน เช่น การปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศอยู่ที่ 26 องศาฯ , ลดการใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น เช่น ป้ายไฟโฆษณา ได้มีข้อกำหนดให้ปิดหลัง 20.00 น.
รวมถึงยังได้มีการขอให้เจ้าหน้าที่รัฐ ปรับเปลี่ยนเสื้อผ้าจากลักษณะที่เป็นไม่เป็นทางการมากขึ้น เน้นการใส่สบาย เพื่อไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศต่ำเกินไป
ในขณะเดียวกัน มีรายงานในบางพื้นที่ระบุว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว หลายพื้นที่มีการปิดไฟถนนสายรอง หรือสวนสาธารณะ
อาจสั่งซื้อไฟฟ้าจากจีน-ลาวเพิ่ม
เวียดนามได้พยายามแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยมีการจัดหาพลังงานเพิ่มเติมเพื่อชดเชยในส่วนที่ขาดแคลน จากประเทศจีน และลาว โดยยังคงอยู่ในกระบวนการของการเจรจาตกลงเรื่องราคาค่าไฟฟ้า
ซึ่งเวียดนามได้มีการจัดซื้อไฟฟ้าจากประเทศจีนตั้งแต่ปี 2548 เพื่อใช้ในพื้นที่จังหวัด Lao Cai และ Ha Giang ราว 4 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงจากจีน และมีการจัดซื้อพลังงานไฟฟ้าเพิ่มจากประเทศลาว เมื่อปี 2562 ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกัน ประมาณ 7 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อวัน
ข้อมูล – VIETNAM ELECTRICITY