“ไม่มีกฎหมายควบคุมเรื่องพื้นที่เปิดร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากกัญชาเลย นี่คือสิ่งที่แย่มาก เพราะมันเปิดที่ไหนก็ได้ เปิดหน้าโรงเรียนแบบนี้ก็ได้ ขณะที่ร้านเหล้ายังถูกห้ามเปิดใกล้โรงเรียน”
ผู้บังคับใช้กฎหมายในคดียาเสพติด ให้ข้อมูลที่ชี้ให้เห็น “ช่องว่างใหญ่” ของการปลดล็อกพืชกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดโดยไม่มีกฎหมายตามออกมาควบคุม ซึ่งรวมไปถึงการเปิดช่องให้ผู้ประกอบการสามารถเปิดร้านให้ลูกค้าเข้ามาสูบกัญชาในร้านได้ โดยไม่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับพื้นที่ในการอนุญาตให้ตั้งร้าน
หลังเปิดเทอมปีการศึกษา 2566 ไปเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้ปกครองของนักเรียนโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ ย่านสีลม ก็สังเกตเห็นว่าฝั่งตรงข้ามโรงเรียนมีร้านจำหน่ายสินค้าจากพืชกัญชามาเปิดให้บริการ โดยมีผู้ปกครองบางคนเข้าไปสำรวจภายในร้านและพบว่า มีลักษณะเป็นคาเฟ่ ไม่มีเครื่องดื่มผสมกัญชาขาย แต่เป็นร้านที่มีอุปกรณ์สำหรับการสูบและมีพื้นที่ให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการสูบกัญชาภายในร้านได้เลย จึงได้นำมาหารือในกลุ่มผู้ปกครอง เพราะกังวลว่า การปล่อยให้มีพื้นที่สำหรับสูบกัญชาอย่างถูกกฎหมายอยู่ใกล้บริเวณโรงเรียน ซึ่งเป็นโรงเรียนหญิงล้วนด้วย อาจส่งผลต่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียนได้
เมื่อตรวจสอบไปยังผู้ที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในคดียาเสพติด ได้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า การเปิดคาเฟ่กัญชา สามารถเปิดได้ทุกที่ เพราะในประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ลงนามโดยนายยอนุทิน ชาญวีรกูล กำหนดให้คาเฟ่กัญชา จะถูกควบคุมเพียงแค่ต้องเปิดโดยมีแพทย์แผนไทยรับรองและห้ามจำหน่ายให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี เท่านั้น แต่ไม่มีข้อกำหนดว่าต้องอยู่ห่างจากสถานศึกษาเป็นระยะทางเท่าไหร่ ซึ่งต่างจากการเปิดร้านเหล้า ที่กำหนดว่าจะต้องอยู่ห่างจากสถานศึกษาอย่างน้อย 500 เมตร
“ที่แย่ไปกว่านั้นคือ ไม่มีข้อกำหนดให้สถานที่จำหน่ายกัญชาต้องอยู่ห่างจากสถานศึกษา อยู่ในร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่ค้างอยู่ในการพิจารณาของสภาฯด้วยเช่นกัน เท่ากับว่า หากผ่านกฎหมายควบคุมพืชกัญชาฉบับดังกล่าวไปทั้งแบบนี้ ก็ยังไม่มีการควบคุมเรื่องพื้นที่ในการตั้งคาเฟ่กัญชาเช่นนี้อยู่ดี
ดังนั้น เมื่อจะต้องพิจารณาร่างกฎหมายกัญชา กัญชง กันใหม่ จึงควรนำประเด็นเรื่องที่ตั้งของร้าน เช่น คาเฟ่กัญชา เข้าไปเป็นประเด็นที่ต้องกำหนดเพิ่มเติมด้วย” ผู้บังคับใช้กฎหมาย เปิดเผย