11 มี.ค. 2566 พลตำรวจตรี ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แถลงผลปฏิบัติการทลายแหล่งซุกซ่อน-จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ 2 ราย ที่จำหน่ายให้กับผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ต่างๆ
รายแรก เป็นแหล่งซุกซ่อนอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม เข้าตรวจค้น 3 จุด คือ อาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง บนถนนจันทราคามพิทักษ์ ตำบลสนามจันทร์ อำเภอเมืองนครปฐม , บ้านหลังหนึ่งที่หมู่ 5 ตำบลถนนขาด อำเภอเมืองนครปฐม และโกดังแห่งหนึ่งบนถนนเทศา ตำบลพระประโทน อำเภอเมืองนครปฐม จับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน พร้อมยึดของกลาง บุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์อีกหลายรายการ มูลค่า 50 ล้านบาท
รายที่สอง เป็นแหล่งซุกซ่อนในกรุงเทพมหานคร โดยเข้าตรวจค้นคอนโดมีเนียม บนถนนพญาไท แขวงพญาไท เขตราชเทวี จับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คน ยึดของกลาง บุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์หลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท โดยรวมผลการตรวจค้นทั้ง 2 ราย ยึดของกลางรวมมูลค่ากว่า 80 ล้านบาท
จึงดำเนินคดีผู้ต้องหาในความผิด พ.ร.บ.ศุลกากร นำสินค้าห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร , พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค , พ.ร.บ. การส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักร เนื่องจากเป็นสินค้าต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร และอยู่ระหว่างขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง
พลตำรวจตรี ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 เปิดเผยว่า สำหรับผู้ที่มีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ครอบครองหรือไว้สูบ ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ. พ.ศ.2560 ศุลกากร มาตรา 246 วรรคหนึ่ง มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของ ซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือทั้งจำทั้งปรับ และถ้าสูบบุหรี่ไฟฟ้าในที่สาธารณะจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ยาสูบ ด้วย จึงฝากเตือนสิงห์อมควันบุหรี่ไฟฟ้าว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้านั้นนอกจากทำลายสุขภาพแล้ว จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย