KEY :
- มีมิจฉาชีพหลอกลวงประชาชนให้ยื่นยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่เป็นเท็จเพื่อขอคืนเงินภาษี และขอเงินส่วนแบ่งเป็นค่าดำเนินการ
- เตือนหากระบบตรวจสอบว่าขอคืนเงินภาษีที่ทุจริตอาจถูกระงับคืนเงิน และเสี่ยงถูกมิจฉาชีพนำข้อมูลส่วนตัวไปใช้
- การขอคืนภาษีโดยทุจริต มีความผิดตามมาตรา 37 แห่งประมวลรัษฎากร มีโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี และปรับสูงสุดถึง 200,000 บาท
…
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มีมิจฉาชีพหลอกลวงประชาชนให้ยื่นยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่เป็นเท็จเพื่อขอคืนเงินภาษี โดยมิจฉาชีพทำหน้าที่รวบรวมเลขบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อนำมายื่นแบบภาษีและขอคืนเงินภาษีอันเป็นเท็จให้ และขอเงินส่วนแบ่งเป็นค่าดำเนินการ
ทางกรมสรรพากร แจ้งว่า หากระบบของกรมตรวจพบการขอคืนเงินภาษีที่ทุจริต นอกจากจะถูกระงับการคืนเงินและเรียกให้นำส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มแล้ว ยังถูกขโมยข้อมูลส่วนบุคคลด้วย เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ วันเดือนปีเกิด เลขบัตรประชาชน เลขเลเซอร์หลังบัตร เบอร์โทร ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปสวมรอยทำธุรกรรมทางการเงินได้ มากไปกว่านั้น การขอคืนภาษีโดยทุจริต มีความผิดตามมาตรา 37 แห่งประมวลรัษฎากร มีโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี และปรับสูงสุดถึง 200,000 บาท
ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อและอย่าเข้าร่วมกับมิจฉาชีพเด็ดขาด หากเข้าร่วมขบวนการยื่นภาษีเท็จ อาจตกเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดอาญา ซึ่งมีโทษทั้งจำและปรับได้ ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับภาษี สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานสรรพากรทุกแห่งทั่วประเทศ หรือศูนย์ RD Intelligence Center โทร.1161