ในช่วงที่บุหรี่ไฟฟ้าเป็นกระแสอยู่ในสื่อสังคมออนไลน์และระบาดไปสู่เด็กและเยาวชน จนประชาชนรวมถึงผู้ปกครองเริ่มกังวลถึงพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า จนนำมาสู่การเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายกับบุหรี่ไฟฟ้าที่มีการวางขายเกลื่อนตลาดนั้น
ล่าสุดวานนี้ (3 มีนาคม 2566) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนว่ามีการลักลอบเปิดร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับประชาชนทั่วไปรวมทั้งนักศึกษาในบริเวณตลาดถนนคนเดิน ใกล้มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านเขตประเวศ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์) จึงสั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ นำโดยนายเลิศศักดิ์ รักธรรม ผู้อำนวยการส่วนบังคับคดี รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ นายฤทธิรอน ทวีทรัพย์ นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ พร้อมเจ้าหน้าที่รวม 6 นาย สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.อุดมสุข นำโดย พ.ต.ต. สุทธา หนูพลกรัง สวป.สน.อุดมสุข พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง
จากการตรวจสอบพบ นายโอ๊ค กำลังเปิดร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าหลายรายตามที่มีการแจ้งเบาะแสจริง พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อดำเนินการยึดบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายโอ๊คไปที่ สน.อุดมสุข เพื่อดำเนินคดีฐานขายบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน3 ปี ปรับไม่เกิน 600,000 บาทหรือทั้งจำและปรับ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 และความผิดตามกฎหมายศุลกากร
ทั้งนี้ สคบ.ขอเตือนไปยังผู้ที่ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าหรือน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า หากพบจะดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดทุกราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขายให้เด็กและเยาวชนหรือใกล้สถานศึกษาถือเป็นการมอมเมาเด็กและเยาวชนทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพระยะยาว จากการปฏิบัติการครั้งนี้เจ้าหน้าที่สามารถยึดบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ได้จำนวนทั้งสิ้น 2,400 รายการ รวมมูลค่าของกลางประมาณ 300,000 บาท