KEY :
- กระทรวงมหาดไทย แจ้งความ เอาผิด “มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป” เข้าข่ายผิด 3 ข้อหา หลังพบว่าไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
- ประสานกระทรวง DEs ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และกำชับผู้ว่าฯ – นายอำเภอ ทั่วประเทศ ตรวจสอบการดำเนินงานมูลนิธิทุกแห่ง
- ย้ำหากพบการกระทำผิดกฎหมายต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างเด็ดขาด
วันนี้ (13 ก.พ. 66) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้กรมการปกครองดำเนินการตรวจสอบกรณีมีการใช้ชื่อระบุว่า “มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป” ซึ่งพบว่าไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
โดยในวันนี้ ได้มอบหมายให้ พนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ในฐานะหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการรับจดทะเบียนมูลนิธิ ไปแจ้งความต่อ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของมูลนิธิเป็นต่อ หลังพบว่า ไม่ได้มีการจดแจ้งขออนุญาตก่อตั้งมูลนิธิ ทั้งนี้ การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสู่สาธารณชนในชื่อของมูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย ใน 3 ความผิดฐาน คือ
- 1) ผิด พระราชบัญญัติกำหนด ความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ.2499 ที่ได้ใช้คำว่า “มูลนิธิ” ประกอบกับชื่อในดวงตราและเอกสารอื่นเกี่ยวกับธุรกิจ โดยไม่ได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
- 2) ผิดพระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ.2487 มาตร 8 ประกอบมาตรา 17
- 3) ผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 นำข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์
นอกจากนี้ ได้กำชับให้กรมการปกครองได้บูรณาการประสานงานการทำงานร่วมกับกองบังคับการปราบปรามอย่างใกล้ชิด เพื่อทำการสอบสวนขยายผลต่อไป
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ตนได้ลงนามหนังสือถึงปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DEs) ภายหลังกระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ https:/www.pentorfoundation.com ซึ่งการกระทำของบุคคลที่แอบอ้างใช้คำว่า “มูลนิธิ” ผ่านเว็บไชต์ดังกล่าวข้างต้น อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมายและเป็นการกระทำที่อาจทำให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่ากิจการนั้นเป็นมูลนิธิที่ได้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
อาจเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญาตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 เพื่อกระทรวง DEs พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
“กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในฐานะนายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดกำชับนายอำเภอทุกอำเภอตรวจสอบการดำเนินงานของมูลนิธิต่าง ๆ ที่อาจเกี่ยวพันกับธุรกิจผิดกฎหมายว่ามีการขออนุญาตก่อตั้งมูลนิธิ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งตรวจสอบการดำเนินกิจการของมูลนิธิที่ได้มีการก่อตั้งแล้ว หากพบความผิดปกติทางการเงิน หรือไม่ได้มีกิจกรรม หรือมีการดำเนินการที่เข้าข่ายความผิด ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด”
ปลัด มท. กล่าวในช่วงท้าย