KEY :
- ‘ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร’ ยื่นหลักฐานการร้องทุกข์กล่าวโทษ 2 คดี เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังออกมาเปิดโปงเรื่องการทุจริตอดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ
- ระบุ ถูกบุคคลระดับผู้บริหารของกระทรวงฯกลั่นแกล้งให้มีการรื้อทั้งสองคดีขึ้นมา แล้วมีการสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง
- ชี้เป็นเรื่องที่แปลกเพราะการที่ตนเองออกมาเปิดโปงเรื่องการทุจริต เป็นประโยชน์กับองค์กร แต่กลับถูกบุคคลระดับบริหารตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงในเรื่องเก่า
วันนี้ (7 ก.พ.66) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จ.อุบลราชธานี พร้อมทนายความ เดินทางมายัง กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เพื่อยื่นหลักฐานการร้องทุกข์กล่าวโทษ 2 คดี เนื่องจากตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังออกมาเปิดโปงเรื่องการทุจริต ของนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ แต่กลับถูกบุคคลระดับผู้บริหารของกระทรวงฯกลั่นแกล้งให้มีการรื้อทั้งสองคดีขึ้นมา แล้วมีการสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง
ซึ่งในคดีแรกที่ตนนำมาร้องให้มีการสอบสวนคือ อยากให้ดำเนินคดีกับคณะกรรมการ และอนุกรรมการ ป.ป.ท. รวม 12 ราย ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และมาตรา 200 กลั่นแกล้งบุคคลให้ได้รับโทษ โดยระบุว่า คดีนี้เป็นคดีที่ตนถูกชี้มูลความผิด กรณีเข้ารื้อถอน และเผาทำลายบ้านกะเหรี่ยงบางกลอย ทำให้ตนเองถูกตั้งกรรมการสอบ นำมาสู่การให้ออกจากราชการ
โดยนายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ตนเองไม่ได้รับคามเป็นธรรม เนื่องจากจุดที่คณะกรรมการ ป.ป.ท. อ้างว่าเป็นจุดเกิดเหตุไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในการทำยุทธการ นอกจากนี้ อนุกรรมไต่สวน ป.ป.ท. ไม่เคยเข้าไปดูที่เกิดเหตุ และไม่ได้ไต่สวนพยานอย่างรอบด้าน กลับกันยังสร้างพยานหลักฐานเท็จขึ้นมาจึงทำให้ขาดพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือนำไปสู่การคืนสำนวนของอัยการทุจริตภาค 7 และคณะกรรมการบอร์ด ป.ป.ท. ยังมีการชี้มูลความผิดของตนเองโดยที่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ทั้งทื่ตนยังไม่ได้มีความผิดจริง นำไปสู่การที่ต้องมาได้รับโทษทางอาญาและวินัย จึงได้นำหลักฐานมาร้องทุกข์ได้เรื่องนี้
ส่วนเรื่องคดีที่สอง ตนอยากให้มีการดำเนินคดีกับปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 200 เช่นกัน
ซึ่งในกรณีนี้เป็นเรื่องเก่าที่ตนเองถูกกล่าวหาว่าทุจริตโครงการปลูกป่าพื้นที่แก่งกระจาน ตั้งแต่ปี 2563 จนมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง แต่ในการสอบสวนดังกล่าวกลับไม่เคยเรียกตนไปให้ถ้อยคำ และไม่ได้รับฟังพยานหลักฐานอย่างครบถ้วน และมีการมุ่งเน้นที่จะเอาผิดกับตนเอง ต่อมาตนเองจึงได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมไปที่เลขาธิการ ป.ป.ท. ปรากฎว่าไม่พบเรื่องร้องเรียนโครงการนี้ในสารบบ
ทั้งนี้ นายชัยวัฒน์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่แปลกเพราะการที่ตนเองออกมาเปิดโปงเรื่องการทุจริต เป็นประโยชน์กับองค์กร แต่กลับถูกบุคคลระดับบริหารตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงในเรื่องเก่า ตนเองก็อยากจะทราบเหมือนกันว่ากลุ่มบุคคลเหล่านั้นจะเดือดร้อนทำไม ตนเองจึงอยากนำเรื่องนี้มาร้องต่อพนักงานสอบสวน หากจะมีการชี้มูลความผิดของตน อยากให้เอาเรื่องนี้มาพูดคุยกันบนโต๊ะเปิดเผยไปเลยว่าตนมีความผิดเข้าข่ายไหนบ้าง และมีหลักฐานว่ากันอย่างไร
ภาพ – ธนโชติ ธนวิกรานต์