ไม่บ่อยครั้งที่เราจะได้เห็นนักกีฬาจาก “อาเซียน” ฝ่าเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรคจนทะยานขึ้นไปสู่ระดับ “เวิลด์คลาส” ได้ โดยเฉพาะกีฬามอเตอร์สปอร์ต ซึ่งถือเป็นงานที่ยากลำบากมาก
ในฤดูกาล 2022 ได้เกิดหนึ่งปรากฏการณ์ใหม่ในวงการมอเตอร์สปอร์ตอาเซียน เมื่อนักบิดฮีโร่ชาวไทยอย่าง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา กลายเป็นชื่อที่ถูกยกมาเป็นข่าวบ่อยครั้งในศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี รุ่น โมโตทู
“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา เติบโตภายใต้โครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ที่ผลักดันอย่างเต็มกำลังโดย “ไทยฮอนด้า” ซึ่งมีเป้าหมายในการผลักดันนักแข่งไทยสู่การแข่งขันระดับสูงสุดของโลกอย่าง โมโตจีพี ให้ได้ในปี 2025
นักบิดจากชลบุรีเข้าสู่ในปีที่ 4 กับการแข่งขัน โมโตทู ซึ่งก่อนหน้านี้อยู่ในกลุ่มกลางและยังไม่โดดเด่น โดยในปี 2019 เก็บมาได้ 23 คะแนน ก่อนจะเจอปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงานในปี 2020 ทำให้เก็บมาได้เพียง 10 คะแนน โดยในปี 2021 เก็บมาได้ 37 คะแนน ซึ่งถือเป็นผลงานดีที่สุดใน 3 ปีแรก
ฤดูกาล 2022 “ก้อง-สมเกียรติ” พลิกโฉมหน้าให้วงการและสร้างผลงานในสนามของตัวเองแบบก้าวกระโดด ด้วยการผลักดันตัวเองขึ้นไปสู่ระดับท็อปของ โมโตทูชิงแชมป์โลก ได้อย่างโดดเด่น โดยนักบิดไทยวัย 23 ปี ปลดล็อกคว้าชัยชนะครั้งแรกของตนเองใน “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์” ตั้งแต่แข่งขันสนามแรกที่ มันดาลิกา ประเทศอินโดนีเซีย สนามนั้นเขาตัดสินใจกัดฟันลงบิดภายใต้อาการบาดเจ็บนิ้วมือ
ซึ่งปรากฏการ์ณนี้เป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยอย่างแท้จริง เพราะนี่คือนักบิดไทยคนแรกที่ชนะใน “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์” และถือเป็นนักบิดอาเซียนคนแรกที่ทำได้
โดยปกติแล้ว “นักบิดอาเซียน” อาจสร้างผลงานขึ้นมาหัวแถวได้แต่ก็ “วูบวาบ” เพียงบางสนามเท่านั้น ทว่าในรายของ “ก้อง-สมเกียรติ” นั้นต่างออกไปจากทุกคนที่ผ่านมา
หลังคว้าชัยชนะที่ อินโดนีเซีย เขาเดินหน้ายืนบนโพเดียมระดับสูงสุดของโลก โดยเพียงสนามถัดไปซึ่งมีขึ้นที่ เทอร์มาส เดอ ริโอ ฮอนโด้ ประเทศอาร์เจนตินา สามารถคว้าอันดับ 2 มาครอง จากการไล่บดชิงอันดับหนึ่งกับ เชเลสติโน วิเอ็ตติ เต็งแชมป์โลกขณะนั้นอย่างสุดมันส์
ด้วยมาตรฐานเกมระดับสูงสุดของโลก ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ นักบิดไทยต้องรอหลังจากนั้นถึง 4 สนามก่อนจะจัดการคว้าโพเดียมที่ 3 กับการแข่งขันที่ เลอ มองส์ สนามระดับตำนานในประเทศฝรั่งเศส นั่นทำให้นักบิดไทยเก็บ 3 โพเดียมจาก 6 สนามแรก ซึ่งถือเป็นผลงานที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับนักบิดที่มาจาก “อาเซียน”
อย่างไรก็ดี แม้จะมีผลงานอย่างโดดเด่นในหลายสนาม แต่นักบิดไทยก็พลาดไม่จบการแข่งขันแบบไร้แต้มหลายสนามเช่นกัน โดยเฉพาะในครึ่งแรกของฤดูกาล ที่พลาดล้มไปถึง 4 สนามทั้งที่มีโอกาสลุ้นโพเดียม (ออสติน, ปอร์ติเมา, เฆเรซ และ มูเจลโล) ซึ่งเขายอมรับว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ต้อง “ปรับความคิดใหม่” เพื่อกลับสู่เส้นทางที่ดีให้ได้อีกครั้ง
“ก้อง-สมเกียรติ” ตั้งหลักใหม่โดยมีเป้าหมาย คือ การคว้าแต้มให้ได้ทุกสนาม และยกระดับผลงานขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง จนกระทั่งเข้าสู่ครึ่งฤดูกาลหลัง นักบิดไทยคืนฟอร์มเก่งกลับมาขึ้นโพเดียมได้อีกครั้งที่ เรดบูล ริง ประเทศออสเตรีย ชนิดที่มีลุ้นเป็นผู้ชนะ หลังไล่บดกับทีมเมท ไอ โอกูระ อย่างสุดมันส์ ต้องตัดสินกันหน้าเส้นชัย และนี่คือโพเดียมที่ 4 ของฤดูกาลเข้าไปแล้ว
โดยหลังจากนั้น “ก้อง-สมเกียรติ” จบการแข่งขันในเลขตัวเดียวแทบทุกสนาม แม้จะเป็นเซอร์กิตที่เจ้าตัวยอมรับว่าไม่ถนัดเลย ไล่ตั้งแต่อันดับ 8 ที่ ซาน มาริโน กรังด์ปรีซ์, อันดับ 7 ที่ มอเตอร์แลนด์ อารากอน และ อันดับ 5 ที่ โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น นั่นแสดงถึงการยกระดับผลงานขึ้นอย่างชัดเจน
“ก้อง-สมเกียรติ” เดินทางเข้าสู่โฮมเรซในประเทศไทยด้วยความหวังเต็มเปี่ยม ทั้งของตัวเขาเอง และแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตในบ้านเกิดที่มั่นใจในศักยภาพของเขาว่าจะสามารถคว้าชัยชนะที่ บุรีรัมย์ ได้
และที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ยอดนักบิดไทยก็ไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวัง เพราะตั้งแต่การซ้อมครั้งแรกเขาเกาะอยู่ในกลุ่มท็อปทรีอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งกดเวลาคว้าโพลครั้งประวัติศาสตร์ในบ้านเกิด ถือเป็นนักบิดไทยคนแรกที่ทำได้ในระดับเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ เรียกเสียงเฮดังกระหึ่ม
เมื่อเข้าสู่ “เรซเดย์” ของ “ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์” ปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างหนักก่อนเริ่มต้นเรซ แต่ “ก้อง-สมเกียรติ” ก็ออกสตาร์ตได้อย่างยอดเยี่ยม เขาขยับขึ้นเป็นผู้นำได้ตั้งแต่รอบแรก แต่โชคชะตาไม่เข้าข้าง ฝนตกหนักขึ้น นักบิดไทยบิดผ่าน “แอ่งน้ำ” ที่โค้ง 4 จนพลาดล้มไปชนิดที่ช็อกแฟนๆ อย่างมาก
“ก้อง-สมเกียรติ” พยายามอย่างเต็มที่เพื่อนำรถกลับมาแข่งให้ได้อีกครั้ง แต่ความเสียหายจากการล้มทำให้ไม่สามารถลุยต่อได้ แต่เสียงปรบมือให้กำลังใจยังคงสนั่นรอบแทร็ก เป็นการบ่งบอกว่า “แฟนๆ ยังคงอยู่เคียงข้างเขาเสมอ”
ล่าสุด “ก้อง-สมเกียรติ” ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ได้รับเกียรติสูงสุดจาก HRC รับเชิญเข้าร่วมในเทศกาลประจำปี Honda Racing Thanks Day 2022 เพื่อตอบแทนแฟนๆ ของฮอนด้าทั่วโลก
โดยงานนี้เป็นโชว์พิเศษที่เชิญนักแข่งแถวหน้าของ ฮอนด้า จากทั่วโลกในแต่ละเวที นำโดยแชมป์โลกฟอร์มูล่าวันอย่าง มักซ์ เวอร์สแท็พเพ่น และทีมเมทอย่าง เซอร์จิโอ เปเรซ ที่มากระทบไหล่กับแชมป์โลก โมโตจีพี ผู้ยิ่งใหญ่ มาร์ค มาร์เกซ รวมถึงนักบิดจากฮอนด้าทุกคน ที่ โมบิลิตี้ รีสอร์ท โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น
“สำหรับการแข่งขันโมโตทู ในปีที่ผ่านมา ถือว่าทำได้ดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในตอนต้นฤดูกาล ขอบคุณทีมงานทุกคนที่ช่วยดูแลและสนับสนุนผม” สมเกียรติ กล่าวถึงผลงานของตนเอง
“ในช่วงแรก ผมทำผลงานได้ดีมาก จนหวังว่าจะทำผลงานที่ดีที่สุดจนจบฤดูกาล แต่การแข่งขันในระดับนี้เป็นอะไรที่ยากเสมอ ในช่วงท้ายของฤดูกาล มีอุปสรรคหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาการบาดเจ็บ การวางแผนในแต่ละสนาม ซึ่งหลายๆ สิ่ง ถือเป็นบทเรียนที่ดีในการนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้ดีขึ้นในปีหน้าแน่นอนครับ”
“เป้าหมายในปีหน้า ผมตั้งใจว่าจะทำให้ดีที่สุด และจบในอันดับที่สูงกว่าเดิม ปีนี้เราจบอันดับ 10 ของโลก ก็อยากจะยกระดับขึ้นไปติดท็อป 5 ให้ได้ครับ”
“ต้องขอบคุณไทยฮอนด้า และที่สำคัญเลยคือกำลังใจจากแฟน ๆ ชาวไทย ที่ไม่เคยทิ้งผม แม้ในวันที่ผมพลาด หรือทำผลงานได้ไม่ดี แฟนๆ ก็ยังส่งข้อความให้กำลังใจมาตลอด สิ่งเหล่านี้เป็นแรงผลักดันที่จะทำให้ผมตั้งใจทำผลงานให้ดีขึ้นในปีหน้าให้ได้ครับ”
จบฤดูกาล 2022 “ก้อง-สมเกียรติ” เก็บคะแนนมาได้ทั้งสิ้น 128 แต้ม ครองอันดับ 10 ของโลกกับการแข่งขันรุ่น โมโตทู ซึ่งถือเป็นสถิติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับนักแข่งจากอาเซียน และแน่นอนว่าเป็นการส่งสัญญาณที่ดีเพื่อนำไปสู่การยกระดับผลงานในปีหน้า
มาติดตามไปด้วยกันกับการเติบโตของนักบิดไทย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ผู้ทะยานกำแพงนักแข่งจาก “อาเซียน” ขึ้นสู่ระดับ “เวิลด์คลาส” อย่างแท้จริง
แฟนความเร็วชาวไทยสามารถติดตามข่าวสารของ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา พร้อมส่งกำลังใจเชียร์ยอดนักบิดไทยในศึก โมโตจีพี รุ่นโมโตทู ตลอดทั้งฤดูกาล และติดตามความเคลื่อนไหวของนักบิดฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH