เมื่อวันที่ 16 ธ .ค . ที่ผ่านมา เวลา 22.00 น. ที่ สน.ท่าข้าม นาย สานิวัจน์ วรดิถี ผู้ช่วยผู้อำนวยการ การไฟฟ้าเขตบางขุนเทียน พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธีรชัย เด็ดขาด รอง.ผบก.น.9 พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผกก.สน.ท่าข้าม พ.ต.ท.ทศพร หงษ์ทอง รองผกก.สส.สน.ท่าข้าม พ.ต.ท.ทศพร กลีบบัว สว.สส.สน.ท่าข้าม พ.ต.ต.มงคล สังข์เพิ่ม สวป. พร้อมฝ่ายสืบสวนท่าข้ามและเจ้าหน้าที่ไฟฟ้านครหลวงประกอบด้วย นายมนต์ชัย เตชะไชโย ผู้อำนวยการกองคดีค่าไฟฟ้าฝ่ายกฎหมาย , นายมรกต สุกสีจันทร์ นิติกร 8 , นางสาวอาจารี งามวงษ์วาน นิติกร 8 ร่วมกันแถลงผลการเข้าตรวจค้นตามหมายศาลอาญาธนบุรีที่ 746,748,749,751,753 /2565 ลงวันที่ 16 ธันวาคม 2565 จำนวน 5 จุด ภายในบ้านเลขที่ 45/1866 ,48/1241 ,141-143, 45/1631-1632 ,45/ 619 (หมู่บ้านดีเค) แขวงคลองบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพ ฯ ผลการตรวจค้นพบของกลางเป็น เครื่องขุดเงินดิจิตอล(บิทคอยน์) จำนวน 223 เครื่อง พร้อมคอมพิวเตอร์จำนวน 4 ชุด รวมมูลค่าความเสียหายร่วม 10 ล้านบาท
นาย สานิวัจน์ วรดิธี ผู้ช่วยผู้อำนวยการ การไฟฟ้าเขตบางขุนเทียน เปิดเผยว่า จากการที่ จากการที่สำนักงานการไฟฟ้า ร่วมกับตำรวจ สน.ท่าข้าม ตรวจสอบบ้านต้องสงสัย ซึ่งเป็นตึกแถว สูง 3 ชั้น จำนวน 5 คูหา มาระยะหนึ่ง จนแน่ใจว่าบ้านต้องสงสัยดังกล่าว โดยลักษณะมีการกระทำความผิดจริง โดยการลักลอบต่อสายไฟตรงเข้าภายในตัวบ้านโดยไม่ผ่านมิเตอร์ หรือกล่าวง่ายๆว่า การขโมยไฟใช้ จึงเข้าตรวจค้นและพบของกลางดังกล่าว ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ตึกแถวทั้ง 5 หลังมีชื่อผู้ครอบครองเพียงคนเดียวในลักษณะเป็นผู้เช่า และจากการประเมินความเสียหายเบื้องต้น พบมูลค่าความเสียหาย บ้าน 1 หลัง มูลค่าความเสียหายประมาณ 2 ล้านบาท ต่อปี (บ้าน 5 หลัง รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาทต่อปี)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ไว้เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ที่ผ่านมา หลังพบว่าภายในหมู่บ้านดังกล่าว มีการลักลอบใช้ไฟฟ้า จำนวน 16 หลัง กระทั่งช่วงเช้าวันนี้ 16 ธ.ค. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าข้ามเข้าทำการตรวจสอบ จนเหลือเพียง 5 หลังที่พบการกระทำความผิด ซึ่งคาดว่าทำมาแล้วประมาณ 1 ปี
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดอุปกรณ์เครื่องขุดบิทคอยน์ของกลางและอยู่ระหว่างการติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป