วันนี้ ( 8 ธันวาคม 2565 ) ที่ อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ถ. พหลโยธิน แขวง จอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. พ.ต.อ.กึกก้อง ดิศวัฒน์ ผกก.5 บก.ปคม.พ.ต.ท.เกริก เสนาะสำเนียง สว.กก.5 บก.ปคม.ร่วมกับนายสิบหมื่นชัย โพธิสินธุ์ ผู้ตรวจราชการ กรมการจัดหางาน แถลงจับกุมน.ส.นันทพร กุลลังกา อายุ 45 ปี นายภานุวัฒน์ ทรัพย์สมบูรณ์ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาหมายจับศาลอาญา ที่ 2568-69/2565 ลงวันที่ 22 พ.ย. 2565 และน.ส.จรรยา หรือปุ้ย ภูว่อง อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาหมายจับศาลอาญา ที่ 2747/2565 ลงวันที่ 6 ธันวาคม 2565 ข้อหา “สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ฯ โดยจับกุมนางนันทพร ได้ภายในซ.นวมินทร์ 70 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพ ส่วนนายภาณุวัฒน์ จับกุมได้ภายในซ.คลองบางวัด ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต และน.ส.จรรยาจับกุมได้ในพื้นทีที่ ม.1 ต.บางปู อ.เมืองสมุทรปราการ
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า เมื่อต้นเดือนพ.ย. 2564 นายภานุวัฒน์ได้ชักชวนนายบี (นามสมมุติ) ผู้เสียหายไปทำงานที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อ้างว่าเป็นร้านนวดสปาแผนไทย มีที่พักและอาหารให้ เงินเดือน 8 หมื่นบาท ไม่คิดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ผู้เสียหายสนใจจึงให้ไปติดต่อน.ส.จรรยา แม่แทรค หรือนายหน้า จัดการส่งผู้เสียหายเดินทางไปทำงาน ก่อนจะเดินทางยังไปให้น.ส.นันทพรช่วยเทรนงานให้อีกด้วย
ส่วนพล.ต.ต.ศารุติ กล่าวอีกว่าต่อมาวันที่ 18 พ.ย. 2564 เมื่อผู้เสียหายก็เดินทางไปถึง ก็มีหญิงไทยไม่ทราบชื่อสกุล และชายสัญชาติอินเดีย มารอรับที่สนามบิน พร้อมยึดหนังสือเดินทางไว้ทันที จากนั้นก็พาไปเริ่มงานที่ร้านนวดแห่งหนึ่งที่เมืองดูไบ ผู้เสียหายจึงพบว่ามีการค้าประเวณีแอบแฝง มีนายอาหลิว สัญชาติจีน เป็นผู้จัดการร้านคอยบังคับให้ขายบริการทางเพศ ค่าตัวครั้งละประมาณ 900 บาท ทุกครั้งจะถูกหักค่าตัว 450 บาท เพื่อใช้หนี้ค่าใช้จ่ายเดินทางกว่า 7 หมื่นบาท ผู้เสียหายจำต้องขายบริการทางเพศเรื่อยมา เพราะไม่มีเงินใช้หนี้ ก่อนถูกส่งตัวไปทำงานที่ร้านเเห่งใหม่ ผู้เสียหายจึงมีเพื่อน ๆในร้านคอยให้คำปรึกษา และติดต่อขอความช่วยเหลือจนกลับประเทศไทยได้ในที่สุด
พล.ต.ต.ศารุติ กล่าวอีกว่า ต่อมาผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่บก.ปคม. พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายจับกลุ่มขบวนการดังกล่าวได้ 7 ราย คือนายภานุวัฒน์ ที่ติดต่อชักชวน น.ส.นันทพร ทำหน้าที่เทรนงาน และน.ส.จรรยา ที่โพสต์โฆษณาหางาน และดูแลการเดินทาง
นอกจากนี้ยังออกหมายจังนายนิกกี้ สัญชาติปากีสถาน ทำหน้าที่ บังคับข่มขู่ผู้เสียหาย นายอาหลิว ทำหน้าที่เก็บเงินค่าบริการ,หญิงชาวจีน ทำหน้าที่รับ-ส่ง ผู้เสียหาย และนายอีซี่ สัญชาติไนจีเรีย ทำหน้าที่บังคับข่มขู่ให้ผู้เสียหายทำงานอีกด้วย
สอบสวน น.ส.นันทพร ให้การว่า ตนแค่ทำหน้าที่สอนนวด และเทรนงานต่างๆ ได้ค่าเทรน 3 พันบาท ฝจากน.ส.จรรยา ส่วนนายภานุวัฒน์ให้การว่า ทำหน้าที่เชิญชวนหาคนไปทำงานที่เมืองดูไบ ได้ค่าหัว 1 หมื่นบาท ส่วนน.ส.จรรยา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ตั้งแต่เดือนพ.ค. – พ.ย.65 ผู้ต้องหารายนี้มีเงินหมุนเวียนในบัญชีมากกว่า 4 ล้านบาท โดยพบข้อมูลการเดินทางของเหยื่อที่ถูกหลอกไปทำงานอีกเป็นจำนวนมากด้วย จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปคม.ดำเนินคดีต่อไป
ด้าน นายสิบหมื่นชัย กล่าวด้วยว่า สำหรับโพสต์โฆษณาชักชวนไปทำงานต่างประเทศผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ส่วนใหญ่มักจะพยายามชักจูงด้วยการแอบอ้างว่าไม่เสียค่าใช้จ่าย รายได้ดี จนมีผู้หลงเชื่อเป็นจำนวนมาก ซึ่งในทางกลับกันอาจเป็นกลลวงของมิจฉาชีพที่ใช้หลอกเหยื่อให้ไปค้าประเวณี จนทำให้ประชาชนหลายคนตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ จึงขอให้ตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนจะเดินทางกันด้วย