คัดลอก URL แล้ว
บำรุงราษฎร์ ชูมิติใหม่ของ Pride Clinic ขยายบริการสุขภาพในกลุ่ม LGBTQ+  

บำรุงราษฎร์ ชูมิติใหม่ของ Pride Clinic ขยายบริการสุขภาพในกลุ่ม LGBTQ+  

ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าประเทศไทยเริ่มเปิดรับความต่างได้ในหลากหลายมิติมากขึ้น แต่ด้วยวัฒนธรรมอาจทำให้หลายประเทศยังมีข้อจำกัดอยู่ ซึ่งหากพูดถึงกลุ่ม LGBTQ+ ที่ไม่ว่าจะในประเทศไทยหรือทั่วโลก ก็จะยังเห็นการรวมกลุ่มเพื่อเรียกร้องสิทธิความเสมอภาค และต้องการสังคมที่พร้อมจะรับฟัง เข้าใจ และเปิดรับในความเป็นตัวตนของพวกเขา

หนึ่งในองค์กรที่กำลังจะพูดถึงคือ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ที่เคารพในความแตกต่างหลากหลายในทุกมิติของความเป็นมนุษย์ ทั้งเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม รวมถึงเรื่องเพศ และพร้อมดูแลทุกคนอย่างเสมอภาค โดยมิถุนายน 2564 ได้เปิด Pride Clinic เพื่อให้การดูแลด้านสุขภาพของ LGBTQ+ ด้วยบริการครบเบ็ดเสร็จในที่เดียว (One-Stop Service) แก่กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ด้วยความเชื่อที่ว่า ‘คนทุกคนสามารถบรรลุศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่ หากได้เป็นตัวของตัวเองในแบบฉบับที่ดีที่สุด’ (Be the best version of yourself)

ล่าสุดบำรุงราษฎร์ได้จัดงานทอล์ค Pride Clinic: Be Proud, Be Healthy ด้วยบรรยากาศการต้อนรับที่อบอุ่นและเป็นกันเองโดยมี นพ. เบญทวิช สุรศาสตร์พิศาล แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว Pride Clinic โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พูดคุยให้ฟังว่าPride Clinic ได้ถูกพัฒนาขึ้นจากพื้นฐานความเข้าใจในความต้องการของกลุ่ม LGBTQ+ อย่างแท้จริง และคำนึงถึงทุกมิติของสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกาย จิตใจและสังคม บวกกับอยู่บนหลักการแพทย์ที่ถูกต้องเพื่อให้กลุ่ม LGBTQ+ ได้เข้าถึงการบริบาลที่ครอบคลุมทุกมิติ (holistic integrated care) และสามารถบรรลุเป้าหมายตามความต้องการของแต่ละบุคคล (personalized care) ตั้งแต่การเข้ารับคำปรึกษาและคำแนะนำทางการแพทย์ การใช้ฮอร์โมนบำบัด การทำศัลยกรรมปรับเปลี่ยนรูปร่าง ตลอดจนการปรับเปลี่ยนเพศสภาพ การฟื้นฟูหลังการผ่าตัดและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง

ในช่วง 1 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา มีผู้มาใช้บริการมาปรึกษาด้วยเรื่องสุขภาพทางเพศ (Sexual health) มากที่สุด เนื่องจากต้องยอมรับว่าประเทศไทยยังขาดแหล่งข้อมูลหรือสถาบันที่สามารถเป็นที่พึ่งพิงในการให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ตามข้อมูลทางการแพทย์ในเรื่องสุขภาพเพศของ LGBTQ+ ได้อย่างครบวงจร ในปี 2565 นี้ จึงได้ขยายบริการด้าน ‘บริการสุขภาพทางเพศสำหรับบุคคลหลากหลายทางเพศ’ หรือ LGBTQ+ Sexual Health Services เพื่อเติมเต็มบริการของ Pride Clinic ให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากบริการด้านสุขภาพ (LGBTQ+ Health services) ที่เปิดให้บริการมาแล้วก่อนหน้านี้

จุดเด่นของ Pride Clinic ประกอบด้วยทีมแพทย์ชำนาญการที่มีความละเอียดอ่อนและสมรรถนะในการดูแล LGBTQ+ โดยเฉพาะ มีความรู้ทางการแพทย์ในเชิงลึก สามารถให้การบริการดูแลครอบคลุมในทุกมิติอย่างครบวงจร รวมถึงในเคสที่มีความซับซ้อน โดยเรามีองค์ความรู้ทางการแพทย์ที่อัพเดทตามเทรนด์ตลอดเวลาและอิงตาม Guideline ของต่างประเทศตามมาตรฐานสากล พร้อมด้วยมาตรฐานห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ (Laboratory) ที่ได้รับการรับรองระดับสากล ให้ผลการทดสอบที่รวดเร็วเชื่อถือได้

จุดแข็งอีกประการของ Pride Clinic คือ การใช้ระบบการดูแลแพทย์ประจำตัว หรือ Primary Care Physician ประกอบไปด้วยทีมแพทย์ทั้งหมด 4 ท่าน ซึ่งแต่ละท่านจะมีความชำนาญการเฉพาะทางที่แตกต่างกันไป ถือเป็นอีกจุดเด่นที่ Pride Clinic ได้นำมาเติมเต็มซึ่งกันและกัน โดยทุกท่านจะทำหน้าที่ดูแลผู้มารับบริการในทุกปัญหา แพทย์จะมีความเข้าใจในกลุ่ม LGBTQ+ เนื่องจากลักษณะของปัญหาจะมีความละเอียดอ่อน ซึ่งแพทย์ทุกท่านได้รับการฝึกอบรมด้านเวชศาสตร์ทางเพศและเพศวิทยาคลินิก มีความชำนาญในการดูแลรักษาด้านสุขภาพทางเพศในกลุ่ม LGBTQ+ โดยตรง และมีประสบการณ์ในการดูแลกลุ่มนี้มากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ทำให้สามารถให้คำแนะนำและให้การรักษาได้อย่างตรงจุด ในสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร ให้พื้นที่ปลอดภัย โดยรับฟังอย่างเข้าใจและไม่ตัดสิน มีทักษะในการสื่อสารและมีความละเอียดอ่อนในการใช้ภาษา

นพ. เบญทวิช สุรศาสตร์พิศาล กล่าวเสริมว่า“จะเห็นได้ว่า Pride Clinic ไม่ได้เน้นแค่เรื่องของการรักษา แต่เรายังทำหน้าที่ในการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและส่งเสริมสุขภาพองค์รวมควบคู่ไปด้วย ทั้งด้านสมรรถนะร่างกายและจิตใจ ซึ่งทั้งหมดล้วนต้องใช้ความสัมพันธ์ที่ดีและความไว้วางใจซึ่งกันและกันระหว่างแพทย์และผู้รับบริการ ซึ่งการใช้ระบบแพทย์ประจำตัว มีข้อดีคือด้านความเชื่อใจและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้มาใช้บริการกับแพทย์ประจำตัว ความต่อเนื่องของข้อมูล รวมถึงความต่อเนื่องของการวางแผนการดูแลรักษาและการติดตามผล ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของบำรุงราษฎร์ ยกตัวอย่าง การป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี (HIV prevention) แพทย์ประจำตัวจะทราบถึงรายละเอียดของผู้ใช้บริการ เช่น การใช้ชีวิตประจำวัน คู่ชีวิต โรคประจำตัว ทำให้สามารถจัดยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในส่วนของ PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) ซึ่งเป็นยาป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีก่อนการสัมผัส หรือ PEP (Post-Exposure Prophylaxis) ซึ่งเป็นยาที่ป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีหลังการมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น”

ดร. ณัชร สยามวารา อาจารย์พิเศษและวิทยากรด้านสติระดับนานาชาติ แชร์ในมิติของผู้ใช้บริการ Pride Clinic ว่าผมเริ่มจากการหาข้อมูลที่มากเพียงพอทั้งในไทยและต่างประเทศ พอมีความรู้ที่แน่นในระดับหนึ่ง ก็มีการคุยกับครอบครัว เพื่อนฝูงและคนที่เรารัก จากนั้นก็เริ่มหาทีมแพทย์มืออาชีพที่มั่นใจได้มาคอยดูแลตลอดกระบวนการข้ามเพศ ส่วนนี้จะขึ้นอยู่กับความพอใจและการตัดสินใจของแต่ละคน อาจจะเริ่มจากปรึกษาหมอด้านฮอร์โมนเพื่อรับเฉพาะฮอร์โมน หรือจะผ่าตัดเปลี่ยนเฉพาะบางส่วนก็ได้ หรือจะเปลี่ยนทั้งหมดก็ได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล โดย Pride Clinic ให้บริการตั้งแต่การให้คำปรึกษาแนะนำ ฉีดฮอร์โมน รักษาความงาม ปรับรูปหน้า ลดหน้าอก กระชับผิวหนัง สลายไขมัน ฝึกเปลี่ยนเสียง ไปจนถึงการผ่าตัดเปลี่ยนเพศ

ซึ่งผมรู้สึกประทับใจการให้บริการของ Pride Clinic ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ทีมแพทย์ แพทย์ด้านฮอร์โมนบำบัด, ศัลยแพทย์, วิสัญญีแพทย์ หรือแพทย์ดมยา ที่ช่วยให้ไม่เจ็บปวดมากในกระบวนการผ่าตัด, Nurse Navigator ที่ให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดและนำทางผมไปสู่กระบวนการดูแลรักษาทุกขั้นตอนได้อย่างราบรื่น นักกายภาพบำบัดที่ดูแลการออกกำลังกายการฟื้นฟูร่างกายหลังการผ่าตัด, นักโภชนาการที่ดูแลแนะนำสารอาหารที่เหมาะกับเรา จากประสบการณ์บอกได้ว่า Pride Clinic โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เป็นที่แรกของประเทศไทยที่ให้บริการแบบ One Stop Service ครอบคุลมเกี่ยวกับสุขภาพทุกด้านตอบโจทย์ LGBTQ+ จริงๆ สามารถบอกความต้องการได้ทุกเรื่อง เหมือนไปโรงแรม 6 ดาว และยังไม่เคยเจอที่ไหนเหมือน Pride Clinic ที่ใส่ใจในทุกความต้องการแบบเฉพาะรายบุคคล   

ปิดท้ายด้วย คุณนภัส เปาโรหิตย์ Chief Marketing Officer โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่าสิ่งที่สัมผัสได้ คือความใส่ใจในทุกกระบวนการของ Pride Clinic ซึ่งบำรุงราษฎร์ใส่ใจในทุกรายละเอียด ทั้งความเป็นส่วนตัว การเก็บรักษาความลับ รับรองได้ว่าที่นี่เป็นพื้นที่ปลอดภัย เราสามารถพูดคุยกับแพทย์ Pride Clinic ได้ในทุกๆ เรื่องได้อย่างสบายใจ ทั้งเรื่องส่วนตัว เรื่องสุขภาพ ด้วยความเป็นตัวตนของเรา และยังได้รับคำตอบและคำแนะนำที่ดีจนคาดไม่ถึง ด้วยกระบวนการทั้งหมดนี้ ทำให้บำรุงราษฎร์แตกต่างจากที่อื่น

ที่สำคัญตลอด journey ของผู้มารับบริการของ Pride Clinic เรามุ่งเน้นการให้บริบาลที่มีคุณภาพระดับสากลและให้ความสำคัญกับการติดตามผล ไม่ใช่เพียงแค่ผ่าตัดเสร็จแล้วกลับบ้าน แต่ผู้รับบริการจะพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาล โดยมีทีมสหสาขาวิชาชีพดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ นอกจากนี้ Top surgery อาจจะไม่ได้ต้องเป็นกลุ่ม LGBTQ+ แต่รวมถึงกลุ่มผู้หญิงที่มีความเสี่ยงหรือกังวลเรื่องของมะเร็งเต้านมจากพันธุกรรม ซึ่งการทำ Top surgery ก็อาจจะเป็นการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงได้เช่นกัน จึงมั่นใจได้ว่าที่ Pride Clinic ให้บริการแบบครบเครื่องเรื่องสุขภาพในกลุ่ม LGBTQ+ ในประเทศไทย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Pride Clinic โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เคาน์เตอร์ A ชั้น 16 อาคาร A (คลินิก) หรือโทร. 063-221 0957, 0-2 066 8888 หรือโทร. 1378