“อดีตผู้เสพแฉ สถานบำบัดยาเสพติดเหมือนที่หาเครือข่ายเพิ่ม ด้านเพจสายไหมชี้ ผู้เสพที่กลับไปเสพอีก ไม่ใช่ผู้ป่วยแต่เป็นจุดเริ่มต้นของอาชญากรรม ขณะป.ป.ส.เผย 2 ทางแก้ คุมเข้มสารตั้งต้น ยึดทรัพย์”
…
ในรายการเจาะข่าวเด็ด The Day News Update Special ทางช่อง Mono 29 พิธีกร คุณบ๊อบ ณัฐธีร์ โกศลพิศิษฐ์ พูดคุยกับอดีตผู้ค้าและผู้เสพยาเสพติดรายหนึ่ง ที่มาแฉภายหลังการเข้าบำบัด โดยบอกว่า ไม่ใช่การเข้าไปเพื่อเลิกยาเสพติด แต่เหมือนเข้าไปแลกเปลี่ยนวิชากัน ให้ได้แหล่งยาเสพติดใหม่ๆ ที่ราคาถูกกว่าเดิม พร้อมฟังข้อเสนอแนะจากคุณเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ที่เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจริงจังกับการปราบปรามยาเสพติด พร้อมมองสถานการณ์ปัจจุบันประชาชนสามารถเข้าถึงยาเสพติดได้ง่าย
นอกจากนี้ในรายการยังต่อสายโทรศัพท์พูดคุยกับคุณวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ถึงแนวทางการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างเป็นรูปธรรม ภายหลังนายกรัฐมนตรีสั่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติแก้ปัญหายาเสพติด
พิธีกร : สถิติปัญหายาเสพติดวันที่ 30 ก.ย.65 พบปี 65 มีคดีเกือบ 260,00 คดี จำนวนยาบ้า 504 ล้านเม็ด สังคมอยากให้ปัญหาคลี่คลาย การดำเนินการของรัฐได้ผลจริงหรือไม่ วันนี้มาพูดคุยกับอดีตผู้เสพรายนี้ เคยเข้าออกในการบำบัดเป็น 10 รอบ ถ้าบอกว่าบำบัดได้ผลก็คงไม่ต้องบำบัดหลายรอบ คุณเอกเข้าไปช่วยเหลือเรื่องยาเสพติด เจออะไรบ้าง
คุณเอกภพ : เมื่อ 3 ปีที่แล้วมีปัญหาการระบาดหนักของเคนมผง ที่เป็นข่าวใหญ่โต ก็เริ่มทำจริงจังโดยค้นหาผู้เสพ เราอยากรู้สาเหตุว่าทำไมเค้าถึงเข้าไปใช้สารเสพติด เมื่อเราไปเริ่มค้นหาก็ต้องตกใจตัวเลขผู้เกี่ยวข้องเริ่มตั้งแต่เด็กประถม ป.5-ป.6 เริ่มเข้ามาใช้สารเสพติดแล้ว อายุ 10 ขวบขึ้นไปเริ่มเข้าไปเกี่ยวข้อง กับเค เพราะหาง่าย ปัจจุบันแพร่ระบาดเข้ามาในไทยจำนวนมาก และราคาถูกมาก เพราะเด็กประถม ผู้ปกครองให้เงินไปโรงเรียนวันละ 50 บาท ยังสามารถซื้อมาเสพได้
พิธีกร : สิ่งที่เกิดขึ้นกับเยาวชนเหล่านี้ที่เราเข้าไปช่วยเหลือคืออะไร
คุณเอกภพ : คือพ่อแม่ทุกข์ใจมาก ร้องไห้ขอให้เข้าไปช่วย แต่ลูกๆเด็ก 11-12 ปี เมา อาละวาด ซึ่งไม่ใช่พฤติกรรมของเด็กที่จะเกิดขึ้น สมัยเราป.5-ป.6 ยังแก้ผ้ากระโดดเล่นน้ำอยู่เลย วันนี้มันไม่ใช่ เด็กเริ่มจากสูบบุหรี่ เป็นกัญชา เด็กประถมพกบ้องกัญชาไปโรงเรียน ตกเย็นไปรวมกลุ่มกันดูดกัญชา ซึ่งผิดธรรมชาติ
พิธีกร : เกิดอะไรขึ้นกับเด็กยุคนี้ เห็นวิวัฒนาการอะไร
คุณเอกภพ : เค้าแย่ลง ขบวนการแก้ไขปัญหาของประเทศเราเรื่องเยาวชนและยาเสพติดถอยหลังลงคลอง มันแย่ลงกว่าเดิม เอาไม่อยู่แล้ว
พิธีกร : มีกฎหมายเยียวยาผู้เสพ บอกว่าเป็นผู้ป่วยเข้าไปบำบัดช่วยไม่ได้เลยเหรอ
คุณเอกภพ : พยายามพูดมาตลอดตั้งแต่ที่เข้ามาช่วยเหลือ มาทำงานเชิงรุกแก้ปัญหายาเสพติด พูดเสมอว่าผู้เสพไม่ใช่ผู้ป่วย เราอนุโลมได้สำหรับผู้เสพครั้งแรก คือถูกจับครั้งแรกเข้าสถานบำบัด อนุโลมว่าเป็นผู้ป่วยได้ แต่หลังจากออกมาแล้ว แล้วกลับไปเสพอีกเค้าต้องไม่ใช่ผู้ป่วย เค้าคือผู้ต้องหาแพราะเป็นสารตั้งต้น เป็นจุดเริ่มต้นของอาชญากรรมต่างๆที่เกิดขึ้นหลายๆครั้งในประเทศนี้
พิธีกร : แสดงว่าวันนี้เราอ่อนแอเรื่องการจัดการกับคนที่เสพยาเสพติด
คุณเอกภพ : ใช่ เราจะต้องอยู่กับสังคมกับกลุ่มคนที่เสพยาเสพติดแล้วถือมีดเดินตามท้องถนนอีกนานแค่ไหน เจ้าหน้าที่ไปจับก็ส่งไปบำบัด แล้วถามว่าสถานที่บำบัด ใช่สถานที่ที่ทำให้ผู้เสพเลิกยาเสพติดได้จริงหรือไม่
พิธีกร : ได้ข่าวว่าคุณเฮไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดตั้งแต่เด็กๆ
อดีตผู้เสพ : ตั้งแต่อายุ 12 จากการเดินยอดยาก่อนคือรับยาจาก A มาแล้วเดินไปส่งให้ลูกค้า ได้ทั้งเงินและยามาเสพ
พิธีกร : เด็กๆเสพไปเพื่ออะไร
อดีตผู้เสพ : บางทีก็ประชด บางทีก็เสพแล้วสบายใจ จากเครียดๆ คล้ายๆการดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ลืมไม่ต้องสนใจกับปัญหาที่เกิด เวลาพ่อแม่บ่นก็เข้าหูเป็นความแค้น ทำให้ก้าวร้าว และจะเก็บความรู้สึกเอาไว้
พิธีกร : เคยระเบิดออกมาไหม อย่างที่คุณเอกพูดการเป็นต้นเหตุของอาชญากรรมต่างๆ
อดีตผู้เสพ : เคย ถึงกับโยนเพื่อนลงมา ตอนนั้นรู้ตัว แต่คิดจะฆ่า ก็เป็นข่าวหน้า 1 โดนจำคุกไป 26 ปี ลดหย่อนเป็น 4 ปี 6 เดือน เพื่อนแขนหักขาหักแต่ตกลงมาพร้อมกัน เกิดขึ้นตอนเสพ ตอนนั้นฮึกเหิมเลยโดดลงไปพร้อมกันที่ห้วยขวาง
พิธีกร : แล้วได้เรียนรู้อะไรบ้าง กลับมาสำนึกที่จะกลับมาเป็นคนดีหรือเลิกยามั้ย
อดีตผู้เสพ : ไม่ ไปกันใหญ่ จากอยู่สะพานใหม่ ย้ายไปคลองเตย เพราะได้แฟน แฟนเป็นคนขาย ยิ่งทำให้รู้จักเครือข่ายจากในคุกมากขึ้น ไปเจอสังคมใหม่เหมือนแชร์ลูกโซ่ จากวัยรุ่นจนตอนนี้ก็ไปเรื่อยๆยิ่งรู้จักเพื่อนทุกจังหวัด ก็ยิ่งไปกันใหญ่เป็นวงจร ตอนนี้อายุ 47 ปี
พิธีกร : 35 ปีในวงจรยาเสพติด ตอนเด็กกับปัจจุบันสถานการณ์ยาเสพติดต่างกันมั้ย
อดีตผู้เสพ : เมื่อก่อนยังน่ากลัว ยังหายาก ต้องหลบต้องซ่อน กฎหมายยังเข้มแข็ง แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่
พิธีกร : ที่ว่าเมื่อก่อนหายากนี่ยากยังไง ราคาสูงเหรอ
อดีตผู้เสพ : ไม่ใช่ โทษมันสูงเวลาถูกจับ ซื้อเม็ดเดียวก็ต้องแอบ เพราะครอบครองแม้ 1 เม็ดก็โดนโทษ9 เดือน หรือ 1 ปี แล้วแต่ศาลจะตัดสิน ทำให้ยาเสพติดไม่ได้ระบาดแบบนี้ ตอนนี้ราคาประมาณ100 กว่าบาท ทุกวันนี้ ตัวละ 3.50 บาท ถ้าซื้อเป็นแถว แล้วแต่คนขายจะลดให้ ในตลาดมันเยอะมาก ส่วนมากมีแต่คนขายคนเสพไม่ค่อยมี ต้องแย่งกันขาย คนขายก็เสพไปด้วย
พิธีกร : หลังๆผู้ที่ครอบครองยาบ้าไม่เกิน 10 เม็ดเป็นผู้ป่วย
อดีตผู้เสพ : ตำรวจก็เข้ามาในบ้านไม่ได้ เราก็เสพกันเต็มที่ เพราะเป็นผู้ป่วยเสพอยู่ในบ้านตำรวจไม่จับ
พิธีกร : พี่เข้าคุกคดียาเสพติดกี่รอบ
อดีตผู้เสพ : ติดคุกใหญ่ก็รอบเดียว แต่เรื่องยาเสพติดนี่นับไม่ถ้วน ประมาณ 13-14 ครั้งเข้าสถานบำบัด ก็ไม่ได้ช่วยอะไร ไปถึงก็ได้กระจกเอาไปนั่งมองตัวเองกลางแดด คิดในใจว่ามองทำไม ทำไมไม่บอกมาเลยว่าต้องทำยังไง ซึ่งไม่ได้อะไรเลย แล้วก็ให้นั่งเก้าอี้พลาสติกสีแดงทั้งวัน นั่งเฉยๆไม่ต้องทำอะไร เค้าบอกให้ใช้ความคิด
พิธีกร : เข้าไปครั้งแรกเค้าให้ทำอะไรเพื่อบำบัดยาเสพติด ก่อนไปส่องกระจกหรือนั่งเก้าอี้
อดีตผู้เสพ : ไม่ให้ทำอะไรเลย เข้าไปถึงก็ให้ถอดเสื้อผ้าหมดเลยแล้วก็ส่งกางเกงในเสื้อในให้ ของใช้อีก 1 ชุด ห้ามใช้รวมกัน เช้าขึ้นมาคุณก็นั่ง ห้ามพูดคำหยาบ แล้วก็เข้ากลุ่มประชุมเช้า สวัสดีค่ะ วันนี้เป็นยังไงบ้าง ไม่ทราบว่า ใครเห็นขยะแล้วทราบมั้ยคะว่าต้องทำอะไรกับมันบ้าง แล้วก็ไปกินข้าว เสร็จแล้วก็มานั่งเข้ากลุ่มประชุมอีก แล้วก็คุยกันเหมือนเดิม หรือถ้าทำอะไรผิดก็เอามายืนด่ากันเพื่อให้คำแนะนำเพื่อน ด่ากันเสียๆหายๆ คิดในใจว่า แนะนำแบบนี้จะเลิกได้ยังไง ให้ผู้ป่วยด้วยกันแนะนำกัน มันไม่ใช่ ผู้ดูแลอยู่อีกโซนเลย ผู้ป่วยแนะนำกันเอง ก็สนุกเลย ไม่มีหมอหรือผู้เชี่ยวชาญ ไม่เคยเห็นเลย ครั้งสุดท้ายที่โคราช เป็นของทหารหมวกแดงลพบุรี หวังว่าจะเลิกได้ แต่เอาไปโดดร่ม แล้วจะเลิกทำไม ฝึกทหารเหมือนจะไปรบ ก็ไม่เลิกเพราะเราไม่ได้ไปรบ เรามาเลิกยาไม่ได้ไปเป็นทหาร พลร่มหญิงออกมาก็ต้องเสียค่าปีกอีก
พิธีกร : ในกระบวนการการบำบัดมีบ้างไหมที่ออกมาแล้วเปลี่ยนใจ เลิกยาดีกว่า
อดีตผู้เสพ : ไม่มี รอบหนึ่งเข้าไป 120 วันทำแบบนี้ทุกวัน นับวันออกอย่างเดียวเลย กลุ่มที่เข้าไปพร้อมกันก็ออกมาพร้อมกันหมด คันเดียวกัน รวมตังค์กันเลยไปเอายาต่อ ลงรถได้วิ่งไปปาร์ตี้กันเลย เอาเงินจากที่ญาติไปเยี่ยมเก็บไว้วนกลับไปเสพและขายใหม่
พิธีกร : ดูทิศทางจากผู้เสพที่เข้าบำบัดแล้วหลายรอบบอกว่า ไม่น่าจะเกิดผลดีและไม่น่าช่วยให้สังคมดีขึ้นได้ ท่านเลขา ป.ป.ส. ตอนนี้จำนวนผู้เสพผู้ค้าเห็นสถิติยาเสพติดเพิ่มแต่ตัวเลขผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องลดลง
เลขาฯ ป.ป.ส. : สถิติที่นำเสนอเป็นสถิติของผู้ยุ่งเกี่ยวกับขบวนการค้ายาเสพติด ผู้ค้าลดลงตั้งแต่ปี 62 ทั้งจำนวนคดี จำนวนผู้ต้องหาและจำนวนคดีรายสำคัญ แต่มันสวนทางกับยาเสพติดที่จับได้เพิ่มมากขึ้น ในส่วนของผู้ค้าโทษยังประหารอยู่ ตอนนี้ประมวลกฎหมายยาเสพติดหรือกฎหมายแม่เขียนไว้ว่าจำนวนยาเสพติดที่จะมีไว้ในครอบครองที่สันนิษฐานว่าจะมีไว้เสพให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ประกาศว่าจะถือครองกี่เม็ด แต่ตอนนี้กระทรวงสาธารณสุขต้องเสนอครม. ต้องให้กฤษฎีกาดูก่อน
พิธีกร : มีตัวเลขออกมาว่าเหลือ 5 เม็ดจะเป็นผู้เสพ
เลขาฯ ป.ป.ส. : ไม่ใช่ น่าจะเข้าใจผิด เดิมสมัยคำสั่งคสช.ประกาศให้ผู้ที่ครอบครองยาเสพติดไม่เกิน 5 เม็ดให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้เสพ ยังไม่ได้กำหนดออกมาให้ผู้เกี่ยวข้องไปคุยกันก่อน ข้อสันนิษฐาน เป็นเพียงข้อสันนิษฐาน แต่ก็ต้องไปดูข้อเท็จจริง หากมี 1 เม็ดแต่มีพฤติการณ์ค้าด้วย ก็โทษ 15 ปี แต่เกณฑ์ 5 เม็ดเป็นเกณฑ์ทั่วไป กฎหมายใหม่แรงกว่าตรงที่สามารถยึดทรัพย์สินได้
พิธีกร : การแก้ปัญหายาเสพติดมากว่า 10 ปี เรามาถูกทางหรือไม่และจะชนะกับปัญหายาเสพติดมั้ย
เลขาฯ ป.ป.ส. : ต้องแก้ทั้ง 2-3 ทางคือแก้เรื่องแหล่งผลิตก่อน เราไม่สามารถทำลายได้เพราะอยู่ในพื้นที่ชนกลุ่มน้อยไม่ได้อยู่ในประเทศเรา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเคมีภัณฑ์ที่เข้าไปแหล่งผลิต ต้องควบคุมสารโซเดียมไซยาไน เพราะเป็นวัตถุอันตรายที่ไม่ผิดกฎหมาย ขอนำเข้าส่งออกได้ โดยหลักเอาไปใช้ในเหมืองแร่เหมืองทองคำเมื่อก่อนเราควบคุมซูโดฯ ก็ไปเอายาแก้หวัดมาสกัด ก็ไม่ให้ยาแก้หวัดมีซูโดฯ ตอนนี้ผู้ค้าก็หันมาใช้โซเดียมไซยาไน ที่ส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าเค้าขออนุญาตถูกต้อง ตำรวจ ทหารก็ทำอะไรไม่ได้ สิ่งที่ต้องทำคือเราจะควบคุมตัวโซเดียมไซยาไน อย่าง 810 ตัน เอาไปผลิตยาบ้าได้ 16,060 ล้านเม็ด ถ้าเอาไปทำไอซ์จะได้ 360,000 กิโลกรัม ป.ป.ส.ต้องควบคุมสารตั้งต้น
พิธีกร : แล้วเรื่องต่อไปคืออะไร
เลขาฯ ป.ป.ส. : ทำลายข่ายงานยาเสพติดโดยมุ่งเน้นเรื่องการยึดทรัพย์สินเห็นหลัก เพราะคนที่ค้าขายยาเสพติด เค้าต้องการทรัพย์สินเพิ่มมากขึ้น ถ้าเราไปทำลายตรงนี้ได้จะสามารถลดจำนวนผู้ค้าลง ต่างจากกฎหมายเก่าคือ ถ้าจับแล้วยึดทรัพย์สินแล้วเค้าหลุดคดีอาญา เราต้องคืนทรัพย์สินให้เค้าหมดเลย แต่กฎหมายใหม่จะแยกคดีอาญากับคดีทรัพย์สินออกจากกัน แม้เค้าสู้ชนะคดีอาญา แต่ทรัพย์สินถ้าพิสูจน์ที่มาที่ไปไม่ได้ สามารถยึดได้เลย โดยสามารถคำนวณเวลาที่ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดว่าผู้ค้าได้กำไรเท่าไหร่ เราก็ฟ้องศาลอายัดเพิ่ม
พิธีกร : ประเด็นต่อมามีอีกหรือไม่ เช่นกระบวนการบำบัดที่ออกมาก็เข้าไปสู่วงจรอีก จะมีการแก้ไขหรือไม่
เลขาฯ ป.ป.ส. : ที่ราคาถูกลง เพราะการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 100 เท่า ต่อเครือ่งต่อชั่วโมง เมื่อก่อนการรับจ้างขนยาเสพติด ค่าจ้างขนยาบ้าเม็ดละ 3 บาท แต่ตอนนี้ใช้ส่งพัสดุภัณฑ์ซึ่งราคาถูกกว่ามาก
พิธีกร : กระบวนการที่ป.ป.ส.เสนอมา พี่เฮ คิดว่าช่วยได้ยังไงบ้าง
เลขาฯ ป.ป.ส. : ไม่มีประโยชน์เลย เพราะต้องเริ่มจากผู้เสพที่อยู่ในกระบวนการบำบัด ไม่ใช่ปล่อยลอยแพพวกเราเพราะเลิกไม่ได้ ถ้าเป็นไปได้อยากให้เลขาป.ป.ส.ลองแอบดู จะเห็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น
คุณเอกภพ : คุณเฮกำลังจะบอกท่านเลขาว่าที่ท่านพูด เป็นนโยบายตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันที่มุ่งเน้นจับกุมผู้ค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ไม่ว่ากัน แต่วันนี้ถามว่าถ้าผู้เสพเค้าเข้าศูนย์บำบัดของท่านแล้วไม่เลิกเสพแล้วออกมายังเสพอยู่ จำนวนผู้เสพหรือผู้ต้องการซื้อคงเดิม ผู้ขายจับเท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด มันก็จะกลับมา ต้องทำให้ผู้เสพหายไป เช่นกระบวนการบำบัดเพราะตอนนี้เข้าไปแล้วไม่ได้บำบัดจริง ออกมาก็เสพต่อ เรื่องโทษของผู้เสพ พูดเสมอว่าผู้เสพไม่ใช่ผู้ป่วย แต่คือต้นตอของปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นหล่ายครั้งในประเทศนี้
พิธีกร : จากเสียงสะท้อนต่างๆท่านวิชัยมองยังไง
เลขาฯ ป.ป.ส. : เข้าใจ อย่างที่พูดส่วนหนึ่งก็หาย แต่ระบบการบำบัดรักษาเรื่องหลักสูตรเป็นเรื่องของกระทรวงสาธารณสุข คิดว่าการตั้งคณะกรรมการชุดใหม่สถานการณ์น่าจะดีขึ้น และกฎหมายใหม่ก็เพิ่งใช้มาไม่ถึงปี อยู่ในขบวนการปรับต่างๆ