บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เปิดศักราชใหม่ของยนตรกรรมพรีเมียมด้วยการเผยโฉม BMW i7 ใหม่ เป็นครั้งแรก รถยนต์ซีดานพรีเมียมที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ มอบที่สุดแห่งประสบการณ์ทั้งการขับขี่ที่เร้าใจ ความหรูหราสง่างาม และห้องโดยสารที่ให้บรรยากาศอบอุ่นสะดวกสบาย และความยั่งยืน ทั้งยังสะท้อนกลิ่นอายความสปอร์ตและความคล่องตัวในการออกแบบ ตอกย้ำความเป็นผู้นำของบีเอ็มดับเบิลยูในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมในประเทศไทยได้อย่างชัดเจน
มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “BMW i7 ใหม่ เปิดตัวภายใต้แนวคิด ‘FORWARDISM’ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของบีเอ็มดับเบิลยูในการก้าวสู่ศักราชใหม่แห่งสุนทรียภาพแห่งการขับขี่และการขับเคลื่อนในเซกเมนต์ยนตรกรรมพรีเมียม สอดรับกับความท้าทายในโลกปัจจุบัน BMW i7 พร้อมส่งมอบที่สุดแห่งสุนทรียภาพเพื่อวันพรุ่งนี้และอนาคตข้างหน้า ผ่านประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดและความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน นับเป็นหมุดหมายสำคัญของบีเอ็มดับเบิลยูรุ่นระดับตำนาน และยังเป็นจุดเริ่มต้นของบทบาทที่น่าตื่นเต้นสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ในการผลักดันวิสัยทัศน์อนาคตแห่งการขับเคลื่อนของเรา”
BMW i7 ใหม่ พร้อมให้ลูกค้าในประเทศไทยได้ครอบครองในสามรุ่นย่อย ได้แก่ i7 xDrive60 M Sport (First Edition), i7 xDrive60 M Sport และ i7 xDrive60 M Sport Gran Lusso โดยรุ่นรถยนต์ในเจนเนอเรชั่นใหม่นี้เปี่ยมด้วยนิยามแห่งความหรูหราที่เน้นย้ำสไตล์การใช้ชีวิต และทัศนคติส่วนตัวของผู้ขับขี่ สะท้อนความต้องการและการแสดงอารมณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ส่วนบุคคล
นอกเหนือจากความหรูหราสง่างาม และคุณภาพระดับพรีเมียมที่โดดเด่นเฉพาะตัว ยังเหนือชั้นด้วยนวัตกรรมที่ช่วยยกระดับประสบการณ์ผู้ขับขี่ ทั้งเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่หลากหลาย และการออกแบบรถยนต์ที่สะท้อนถึงความยั่งยืน
ภายนอกเอกลักษณ์ใหม่ ชวนสะกดสายตาทั้งรูปลักษณ์ จนถึงการสตาร์ทรถ
ด้วยความเป็นรถยนต์ซีดานหรู จึงอัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ที่เน้นการใช้งานแต่หรูหราทั้งการออกแบบภายนอกและภายใน สะกดทุกสายตาด้วยกลิ่นอายความสปอร์ต ภายนอกตกแต่งด้วยวัสดุสีดําเงาและสปอยเลอร์หลังดีไซน์ M ตอกย้ำถึงคุณภาพระดับพรีเมียม รูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวปราดเปรียวบริเวณตัวถังด้านหลังเน้นการออกแบบเส้นสายแนวนอน มอบความรู้สึกโอ่อ่าและทรงพลังให้กับตัวรถ ตกแต่งด้วยวัสดุโครเมียมที่ด้านล่างเพื่อสะท้อนความสง่างามเหนือระดับ ด้านบนเป็นไฟรูปตัว ‘L’ ที่มาพร้อมรูปทรงเรขาคณิตแบบกระจกเป็นครั้งแรก เสริมให้ไฟท้ายดูโดดเด่นยิ่งขึ้น
การออกแบบไฟหน้าทรงกลม และกระจังหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ได้รับการตีความใหม่ทั้งหมดเพื่อสะท้อนรูปลักษณ์ให้ทันสมัยและโดดเด่นยิ่งขึ้น อาทิ ไฟหน้า Adaptive LED ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานพร้อมระบบปรับองศาเมื่อเข้าโค้ง ชุดไฟหน้าคริสตัลสวารอฟสกี้ ‘Iconic Glow’ ประกอบด้วยไฟ LED จำนวน 22 ดวง ที่ส่องสว่างผ่านคริสตัลจากด้านหลัง และกระจังหน้าเรืองแสงเป็นประกาย มอบความงดงามตระการตาอันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์รุ่นนี้
นอกเหนือจากความประณีตแล้ว ฟีเจอร์นี้ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญของประสบการณ์การต้อนรับที่น่าประทับใจ ด้วยการแสดงกราฟฟิกแสงระยิบระยับเมื่อผู้ขับขี่เข้าใกล้ตัวรถ เริ่มจากกระจังหน้าทรงไตคู่ไปจนถึงไฟหน้าคริสตัล และไฟส่องพื้นที่ทำให้นึกถึงคริสตัลหรูหรา
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะ (Comfort Access System) ให้ผู้ขับขี่สามารถปลดล็อกและสตาร์ทรถได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ พร้อมระบบช่วยผ่อนแรงกระแทกขณะปิดประตูที่ทำได้อย่างเงียบเชียบและนุ่มนวล โดยใน BMW i7 xDrive60 M Sport และ BMW i7 xDrive60 M Sport Gran Lusso ยังมาพร้อมระบบเปิดและปิดประตูอัตโนมัติ มอบความสะดวกสบายอย่างเหนือชั้น
BMW i7 xDrive60 M Sport Gran Lusso มาพร้อมกับล้ออัลลอย M aerodynamic ขนาด 21 นิ้ว ตกแต่งสี Titanium Bronze ขัดเงาลายสามมิติ ในขณะที่รุ่น i7 xDrive60 M Sport (First Edition) และ i7 xDrive60 M Sport มาพร้อมล้ออัลลอย M น้ำหนักเบา ขนาด 21 นิ้ว แบบสลับสี
ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าอันทรงพลัง มอบระยะทางไกลสุด 625 กิโลเมตร
บีเอ็มดับเบิลยู i7 ใหม่ มาพร้อมขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว พละกำลังรวม 400 กิโลวัตต์ / 544 แรงม้า มอบอัตราเร่งอันทรงพลังด้วยแรงบิดสูงสุด 745 นิวตันเมตร ผสานกับเกียร์อัตโนมัติและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้า BMW xDrive และเทคโนโลยี BMW eDrive เจนเนอเรชั่นที่ 5 ซึ่งได้มอบการขับขี่อันน่าประทับใจไปแล้วใน BMW iX
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแรงดันสูงที่ 105.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง ติดตั้งด้านล่างตัวถังผสานกับประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนส่งผลให้อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ 19.6-18.4 กิโลวัตต์-ชั่วโมง/100 กิโลเมตร มอบระยะทางขับเคลื่อนตามมาตรฐาน WLTP สูงสุดที่ 625 กิโลเมตร โดยสามารถโลดแล่นจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 4.7 วินาที และมอบความเร็วสูงสุดที่ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่สุดล้ำ มอบความมั่นใจในทุกเส้นทาง
BMW i7 ใหม่ มาพร้อมระบบช่วยการขับขี่รุ่น Professional ระบบควบคุุมความเร็วอัตโนมัติ และฟังก์ชัน Stop & Go ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ระบบปรับองศาของล้อหลังเพื่อการเข้าโค้งหรือเลี้ยว (Integral Active Steering) ทำให้การบังคับทิศทางง่ายยิ่งขึ้นขณะเข้าโค้งหรือจอดรถ ทั้งสามรุ่นย่อยมาพร้อมช่วงล่างแบบถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ ในขณะที่ระบบควบคุมช่วงล่าง Executive Drive Pro ที่ติดตั้งมาเป็นพิเศษใน i7 xDrive60 M Sport Gran Lusso มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายไร้ข้อจำกัดจึงช่วยให้การขับขี่คล่องตัวในทุกสถานการณ์
BMW i7 ยังอัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็นเซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor) ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง (Side Impact Protection) ระบบสร้างเสียงจำลองเตือนผู้ใช้ถนนรอบข้าง ระบบปกป้องคนเดินถนนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ และระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) นอกจากนี้ยังมีระบบ Anti-lock braking system (ABS) ป้องกันไม่ให้ล้อล็อกหรือหยุดหมุนขณะเบรกและระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ (Brake Assist) ส่งผลให้ระยะเบรกสั้นลง
เติมเต็มความสะดวกสบาย และความบันเทิงให้กับห้องโดยสารสุดหรูล้ำ
BMW i7 ใหม่ ผสานเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ล่าสุดเพื่อมอบสภาพแวดล้อมการขับขี่ที่เพลิดเพลิน พร้อมความสบายเหนือระดับในการขับขี่ระยะไกล อาทิ ระบบ ‘My Modes’ รุ่นใหม่และระบบปฏิบัติการ BMW iDrive รุ่นล่าสุด ช่วยให้ผู้ขับขี่ปรับโหมดการขับขี่และบรรยากาศภายในรถได้ดังใจ ทั้งยังครบครันด้วยอุปกรณ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น จอแสดงผลดิจิทัลแบบโค้ง BMW Curved Display, แถบ BMW Interaction Bar, ระบบผู้ช่วย BMW Intelligent Personal Assistant ที่พัฒนาขึ้นอีกขั้น, หน้าจอ BMW Head-up Display และฟังก์ชัน Augmented View ที่ติดตั้งมาเป็นครั้งแรกบนจอแสดงข้อมูลหลังพวงมาลัย ช่วยให้ผู้ขับขี่และรถยนต์สื่อสารและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าที่เคย
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบจำลองเสียงเครื่องยนต์ BMW IconicSounds Electric ทำให้ผู้โดยสารสัมผัสกับเสียงการเดินรถอันเป็นเอกลักษณ์จาก Hans Zimmer ซึ่งได้รับการออกแบบให้เป็นเอกลักษณ์สำหรับทุกโหมดการขับขี่
มอบความเพลิดเพลินในการขับขี่ขึ้นอีกขั้น เบาะนั่งแบบมัลติฟังก์ชันครบครับทั้งสำหรับผู้ขับขี่ ผู้โดยสารตอนหน้า และผู้โดยสารตอนหลัง มาพร้อมฟังก์ชันนวดผ่อนคลายสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหลัง รวมถึงระบบอุ่นเบาะทุกที่นั่ง ระบบระบายอากาศสำหรับเบาะที่นั่ง และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 4 โซน เพิ่มการไหลเวียนอากาศในห้องโดยสารและมอบคุณภาพอากาศที่ดีให้กับผู้โดยสาร
ทั้งสามรุ่นยังมาพร้อมวัสดุบุหลังคา M Alcantara ส่วนภายในตัวรถตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ถักด้วยวัสดุสีเงินแบบ M คอนโซลกลางสีดำเงาแบบ Piano Finish Black
ระบบ BMW Live Cockpit Professional มอบความสะดวกสบายและแสดงข้อมูลรถยนต์โดยไม่รบกวนสมาธิระหว่างขับขี่บนท้องถนน ระบบ BMW ConnectedDrive รวบรวมบริการดิจิทัลที่เชื่อมต่อรถยนต์กับโลกภายนอกได้อย่างชาญฉลาด นอกจากนี้ ยังอุ่นใจด้วยระบบตรวจสอบระยะไกล Telematics Service และการให้บริการด้านการจราจร ทั้งยังสะดวกสบายด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์มือถือ และระบบความบันเทิงต่าง ๆ ในตัวรถ
หลังคากระจกพาโนรามา ‘Sky Lounge’ ที่ออกแบบขึ้นมาใหม่ยังให้ความรู้สึกโอ่อ่า กว้างขวางและสะดวกสบาย นอกจากกระจกบานใหญ่ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้โดยสารแล้ว ยังมีเส้นแสง LED อัจฉริยะที่ปรับเปลี่ยนได้ทุกเส้น เติมเต็มให้บรรยากาศในห้องโดยสารให้หรูหราขึ้นอีกระดับ
เมื่อก้าวเข้าไปยังห้องโดยสารด้านหลังของ BMW i7 ใหม่ ผู้โดยสารจะได้พบกับระบบบันเทิงเหนือระดับ โดดเด่นด้วย BMW Theatre Screen หน้าจอแบบพาโนรามาขนาด 31.3 นิ้ว มาในรูปแบบ 32:9 และความละเอียดระดับ 8K ที่ทอดยาวลงมาจากหลังคา และแปลงโฉมเบาะที่นั่งตอนหลังให้เป็นโรงภาพยนตร์เคลื่อนที่ส่วนตัวสุดพิเศษ โดยผู้โดยสารสามารถปรับเปลี่ยนเบาะที่นั่งด้านหลังให้กลายเป็นเลาจน์ส่วนตัว และเลือกโปรแกรมความบันเทิงที่ชื่นชอบจากหลากหลายตัวเลือกการสตรีมมิ่ง ที่สามารถรับชมได้อย่างเพลิดเพลิน
และยังมาพร้อมระบบเสียงรอบทิศทางคุณภาพสูง Bowers & Wilkins Diamond ที่มอบสุนทรียศาสตร์แห่งเสียงคุณภาพระดับสตูดิโอ กับการวางตำแหน่งลำโพงที่การันตีได้ว่าทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะสามารถเพลิดเพลินไปกับคุณภาพเสียงที่ดีที่สุด จากลำโพงที่ติดตั้งมาในตัวรถรวมทั้งหมดกว่า 39 ตัว ให้ประสิทธิภาพเสียงกว่า 1,965 วัตต์ พร้อมมอบประสบการณ์อย่างตราตรึงไม่ว่าจะนั่งอยู่ตำแหน่งใดภายในรถยนต์
สีภายนอกอันหลากหลาย
BMW i7 xDrive60 M Sport (First Edition) มีเฉพาะสีดำ Black Sapphire Metallic
ขณะที่รุ่น i7 xDrive60 M Sport มาให้เลือกถึง 8 สีตัวถัง ไม่ว่าจะเป็นสีดำ Black Sapphire Metallic, สีขาว Mineral White Metallic, สีเทา Oxide Grey Metallic, สีเทา Brooklyn Grey Metallic, สีดำ Carbon Black Metallic, สีแดง Aventurine Red Metallic, สีน้ำเงิน Tanzanite Blue Metallic และสีเทา Dravit Grey Metallic
ลูกค้ายังสามารถเลือกสีแบบทูโทนสำหรับรุ่น i7 xDrive60 M Sport Gran Lusso ที่จับคู่สีภายนอกได้อย่างมีเอกลักษณ์ มาพร้อมสีหลังคา 2 สีให้เลือก ได้แก่ สีดำ Black Sapphire Metallic และสีเทา Oxide Grey Metallic และสีตัวถัง 5 สี ได้แก่สีดำ Black Sapphire Metallic, สีเทา Oxide Grey Metallic, สีแดง Aventurine Red Metallic, สีน้ำเงิน Tanzanite Blue Metallic และสีเทา Dravit Grey Metallic
ราคาจำหน่าย BMW i7
รุ่น xDrive60 M Sport (First Edition) ราคา 7,599,000 บาท*
รุ่น i7 xDrive60 M Sport ราคา 7,849,000 บาท*
รุ่น i7 xDrive60 M Sport Gran Lusso ราคา 8,599,000 บาท
*รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard นาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
แพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard
โปรแกรมบำรุงรักษารถยนต์ BMW Services Inclusive (BSI) Standard สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วน ครอบคลุมแพ็คเกจการรับประกันนานสูงสุด 4 ปี ไม่จำกัดระยะทางและการบริการดูแลบำรุงรักษาสูงสุด 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และการรับประกันแบตเตอรี่แรงดันไฟสูงและอุปกรณ์ร่วมนานสูงสุด 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดถึงก่อน) การดูแลบำรุงรักษารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้าจะมีกำหนดเข้ารับบริการทุก 24 เดือน โดยครอบคลุมรายการต่าง ๆ ดังนี้
- บริการตรวจเช็ครถ
- บริการเปลี่ยนไมโครฟิลเตอร์
- บริการเปลี่ยนน้ำมันเบรก
- บริการชาร์จแบตเตอรี่แรงดันสูงหลังการให้บริการ (ชาร์จสูงสุด 75%-80%)
- บริการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน (ปีละหนึ่งครั้ง)
- บริการเปลี่ยนชุดเบรกหน้าและหลัง 1 ชุด รวมผ้าเบรกและจานเบรก (กำหนดการเปลี่ยนไม่ขึ้นอยู่กับระยะทาง)
หลังจากการเปิดตัว BMW i7 เป็นครั้งแรกในประเทศไทย บีเอ็มดับเบิลยูยังเตรียมเปิดตัว BMW Series 7 ใหม่ ปลั๊กอินไฮบริด รุ่นประกอบในประเทศ ในปี พ.ศ. 2566 เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการนำเสนอแนวคิดพลังแห่งทางเลือก (Power of Choice) ที่จะมาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟน ๆ ชาวไทย
ลูกค้าที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.bmw.co.th หรือติดต่อผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยูทั่วประเทศ