เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 29 สิงหาคม ที่สน.โชคชัย นายอภิดิศร์ หรือ เอ็ม ผู้ถูกกล่าวหาในคดีข่มขืนกระทำชำเราดารานักแสดงสาว อายุ 22 ปี ที่วิลล่าแห่งหนึ่งในซอยนาคนิวาศ 2 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.หญิง ชิดชนก แฟงทอง รอง สว.(สอบสวน) สน.โชคชัย ตามหมายเรียก โดยก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน นายอภิดิศร์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนมีหลักฐานชัดเจนว่าเรื่องทั้งหมดเป็นการแบล็คเมล์
ขณะนี้ข่าวที่ออกไปทำวงศ์ตระกูลขอบตนเสียหายมาก ตาของตนเป็นอดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจริงเมื่อ 40-50 ปีแล้ว และเสียไปถึง 10 ปีแล้ว การนำตาของตนมาเกี่ยวข้องนั้นรู้สึกเสียใจมาก เพราะคดีมีผู้เกี่ยวข้องเพียงตนคนเดียว ไม่อยากให้นำครอบครัวของตนมาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ตนอยากบอกว่าตนบริสุทธิ์ใจ ที่มาวันนี้ก็เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ตามที่ผู้กล่าวหาบอกว่าตนมีเส้นสายกับตำรวจ ตนไม่รู้จักใครแต่อย่างใด ตนเพิ่งกลับจากไปเที่ยวที่หัวหิน รู้สึกตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายอภิดิศร์ กล่าวอีกว่า หมายเรียกนั้นส่งไปที่บ้านตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา ระบุให้ตนเข้าให้ปากคำวันนี้ (29 สิงหาคม) ตนจึงมาเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้ การที่ผู้กล่าวหาไปออกรายการกับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม นั้น ต้องขอขอบคุณนายษิทราที่ให้ความร่วมมือ เข้าใจว่าเป็นทนายของประชาชน หากตนเป็นทนาย และได้ยินจากฝ่ายเดียวก็คงรับไม่ได้หากมีผู้ชายไปข่มขืนผู้หญิง เพราะต้องเป็นสุภาพบุรุษ หลังเข้าพบพนักงานสอบสวนตนจะชี้แจงอีกครั้ง เพราะกลัวว่าจะมีผลต่อรูปคดี แต่ตนบริสุทธิ์ใจ ไม่ผิด มีหลักฐานชัดเจน ซึ่งนายษิทราน่าจะอยู่ฝ่ายที่ผิด เพราะไม่รู้ว่าความจริงคืออะไร แต่จะไปโทษไม่ได้ ซึ่งหลักฐานที่นำมานั้นมีความรัดกุม สามารถชี้แจงได้ว่าไม่ผิดตามที่ถูกกล่าวหา
นายอภิดิศร์ กล่าวอีกว่า โดยในวันเกิดเหตุ ตนได้ไปกับผู้ถูกกล่าวหาจริง เพราะผู้กล่าวหาได้ติดต่อมาหาตนว่าทะเลาะกับพี่สาว และอยู่ที่สยามสแควร์คนเดียว กระทั่งช่วงกลางคืนได้บอกตนมาว่าไม่กลับห้อง ให้แนะนำโรงแรมให้ ตนจึงแนะนำโรงแรมแถวสุขุมวิทไปให้ แต่อีกฝ่ายบอกว่ามีราคาแพงเกินไป ซึ่งตนมีหลักฐานเป็นแชท
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้ไปส่งเพียงอย่างเดียว แต่ไปที่โรงแรมโดยนำเหล้าโซจูไปด้วย และไม่ได้เป็นการไปพูดคุยเรื่องงาน แต่เรื่องที่เกิดในห้องนั้นตนมีหลักฐานทั้งหมด ว่าเริ่องที่ถูกกล่าวหาไม่เป็นความจริง ส่วนตัวรู้จักกับผู้ถูกกล่าวหา เพราะเคยติดต่อไปให้รีวิวสินค้า โดยรู้จักกันก่อนหน้าวันเกิดเหตุไม่ถึงเดือน ไม่เคยมีการคบหากันแต่อย่างใด โดยตนรู้สึกเสียใจกับคำพูดของนายษิทรา แต่เข้าใจว่าต้องการปกป้องผู้หญิง เพราะเชื่อว่าถูกรังแก ส่วนเรื่องเล่นการเมืองนั้น ผู้ที่โทรไปหาผู้กล่าวหาเป็นผู้ใหญ่ที่ตนนับถือ ซึ่งโทรไปโดยที่ยังไม่ได้พูดคุยกับตน
โดยคลิปเสียงที่ปรากฎออกมาเป็นคลิปที่ถูกตัดมา สิ่งที่กังวลคือชื่อของตนออกไปในสื่อสังคมออนไลน์เยอะ และบางคนอาจไม่เข้าใจ ไม่ได้ฟังจากตน ขอให้ผู้สื่อข่าวเป็นกระบอกเสียงให้ เพราะตนเป็นชายธรรมดาคนหนึ่งที่ถูกรังแก