KEY :
- ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศมีน้ำเพิ่มขึ้น หลังมีฝนตกจากอิทธิพลของพายุ “พายุมู่หลาน”
- กรมชลประทาน เดินหน้าบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างเต็มศักยภาพ เน้นเก็บกักน้ำให้ได้มากที่สุด
- ขอให้ประชาชนติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำจากทางหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของพายุดีเปรสชัน “มู่หลาน” ที่อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงและเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศจีนตอนใต้ ประเทศเมียนมา ตอนบน และประเทศลาวตอนบน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อประเทศไทยเกิดฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคเหนือ ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศ ระหว่างวันที่ 7 – 15 ส.ค. 2565 รวมกันกว่า 3,744 ล้าน ลบ.ม.
เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ รวมกันประมาณ 1,285.96 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบัน 4 เขื่อนหลักมีปริมาณน้ำรวมกัน 12,011 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 48 ของความจุอ่างฯรวมกัน มีน้ำใช้การได้ประมาณ 5,315 ล้าน ลบ.ม. ยังรับน้ำได้รวมกันอีกประมาณ 12,860 ล้าน ลบ.ม.
ทั้งนี้ กรมชลประทาน บริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสภาพน้ำในเขื่อน เพื่อลดผลกระทบจากกรณีน้ำล้นอ่างเก็บน้ำท่วมพื้นที่บริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำให้น้อยที่สุด พร้อมทั้งวางแผนกักเก็บน้ำเพื่อสำรองไว้ใช้ในฤดูแล้งหน้าให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำจากทางหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด หากต้องการความช่วยเหลือสามารถร้องขอไปยังโครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร. สายด่วนกรมชลประทาน 1460 ได้ตลอดเวลา