ช่วงสายวันนี้มีเอกสารสำนักงานอัยการสูงสุดเผยแพร่ในโซเชียล เป็นหนังสือคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กับพวกรวม 4 คนฐาน ร่วมกันฆ่านายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก บางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี โดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ต่อมานายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องคดีจริงโดยขั้นตอนหลังจากนี้ สำนวนได้ถูกส่งมายังนายพรชัย ชลวาณิชกุล อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ โดยอธิบดีจะจ่ายสำนวนไปให้อัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 เพื่อออกหมายนัดตัวนายชัยวัฒน์กับพวก ผู้ต้องหามายื่นฟ้องต่อศาลต่อไป
คดีนี้มี นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร เป็นผู้ต้องหาที่ 1 นายบุญแทน บุษราคำ ผู้ต้องหาที่ 2 นายธนเสฏฐ์ หรือไพฑูรย์ แช่มเทศ ผู้ต้องหาที่ 3 และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ ผู้ต้องหาที่ 4 ถูกดำเนินคดีในข้อหา
1. ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแก่ตามที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนกระทำไว้
2. ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจโดยให้ผู้อื่นกระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง
3. ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย
4. ร่วมกันทุจริตหรืออำพรางคดี กระทำการใดๆแก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะมำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป
ส่วนข้อหาที่อัยการ “สั่งไม่ฟ้อง” นายชัยวัฒน์และพวก คือ ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากมองว่าในขณะที่เกิดเหตุไม่ได้อยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐแต่กระทำในฐานะส่วนตัว และสั่งไม่ฟ้องเอกชนอีก 1 คน ในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานซึ่งเชื่อมโยงกับข้อหาก่อนนี้
นายบิลลี่ หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2557 หลังเข้าไปหาของป่าในเขตอุทยานแห่งชาติฯ โดยนายชัยวัฒน์ ยืนยันว่าได้ปล่อยตัวนายบิลลี่ที่แยกหนองมะข้า และไม่มีใครได้พบเจอบิลลี่อีกเลย ต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษ และในวันที่ 3 กันยายน 2562 ดีเอสไอแถลงว่าพบกระดูกมนุษย์ใกล้ถังน้ำมันใต้สะพานแขวน ใกล้บริเวณที่ทำการอุทยาน โดย สารพันธุกรรมตรงกับนางโพเราะจี รักจงเจริญ มารดาของนายพอละจี รักจงเจริญ” แต่ในชั้นอัยการได้ยกฟ้องคดี ทำให้ดีเอสไอทำความเห็นแย้งมายังอัยการสูงสุด จนมีคำสั่งฟ้องดังกล่าว