คัดลอก URL แล้ว
ทหารผ่านศึกทุกหมู่เหล่าทั่วประเทศ บุกสภา ขอ “ เงินผดุงเกียรติ “ โอดสวัสดิการต่ำกว่าบัตรทอง

ทหารผ่านศึกทุกหมู่เหล่าทั่วประเทศ บุกสภา ขอ “ เงินผดุงเกียรติ “ โอดสวัสดิการต่ำกว่าบัตรทอง

วันนี้ (27 กรกฎาคม 65) ที่ บริเวณ ด้านหน้าวัดแก้วฟ้าจุฬามณี อาคารรัฐสภา เกียกกาย “ เราผู้กล้ารบ ” ทหารผ่านศึกกลุ่มพี่น้องเพื่อนทหารผ่านศึกทุกหมู่เหล่า จากทั่วประเทศ นัดรวมตัวกันเดินทางมาที่รัฐสภา เข้ายื่นหนังสื่อถึงคณะกรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอความอนุเคราะห์เงินผดุงเกียรติ ทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่ สอง สาม สี่

โดย นายอิศรพงค์ ณ เชียงใหม่ ประธานกลุ่ม พี่ น้อง เพื่อน นักรบไทยทุกหมู่เหล่า และคณะ เป็นตัวแทนเข้ายื่นหนังสือกับ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ โฆษกคณะ กมธ. การทหาร ที่ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา

นายอิศรพงค์ กล่าวว่า บุคคลเหล่านี้ปัจจุบันกลายเป็นคนยากไร้และอนาถา เราไม่อยากเห็นทหารผ่านศึกนอนข้างถนน คุ้ยขยะ หรือป่วยไร้คนเหลียวแล สังคมปัจจุบันคนที่มีเกียรติคือคนที่มีกิน แต่ในการมีกินของเราไม่จำเป็นต้องรวยก็ได้ ขอแค่มีเงินใช้จ่ายในแต่ละเดือน เรามาวันนี้เพื่อ ขอความอนุเคราะห์ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ให้ช่วยเหลือทหารผ่านศึก เพราะทุกวันนี้ ทหารผ่านศึกได้รับค่ารักษาพยาบาล 3,500 บาทต่อปีต่อคนต่อครอบครัว หากคนในครอบครัวหนึ่งคนเจ็บป่วยคนอื่นก็ไม่มีเงินรักษาแล้ว และมีเงินช่วยฉุกเฉินเพียง 1,000 บาท ซึ่งสวัสดิการเหล่านี้บัตรทอง ยังดีเสียกว่า

“ เรารบเพื่อผืนแผ่นดินไทยอุทิศตนเป็นเสาเข็มเล็กๆ ค้ำยันแผ่นดินนี้ เพื่อให้คนไทยได้กินอยู่ทุกวันนี้ โปรดเห็นใจคนที่เสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง ”

ด้านนายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า จะรับเรื่องดังกล่าวดำเนินการเข้าที่ประชุมคณะกรรมาธิการ ในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ประธานพิจารณาเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลต่อไป พร้อม ฝากไปยังทหารผ่านศึกทุกท่าน ว่ากรรมาธิการจะทำอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ จะรวบรวมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประมาณ 20 ท่าน เพื่อร่างพระราชบัญญัติทหารผ่านศึก เพื่อช่วยเหลือเรื่องเงินให้กับทหารผู้ที่เคยผ่านศึก โดยจะยื่นในรัฐบาลนี้ แต่หากไม่ทันจะบรรจุเป็นนโยบายพรรคในการเลือกตั้งคราวถัดไป

อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนี้มีทหารผ่านศึกนอกราชการอยู่จำนวน 607,083 คน ซึ่งได้พ้นหน้าที่จากการรับใช้ชาติออกมาแล้ว และในปัจจุบันได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล คือ

ซึ่งนับว่าน้อยมากกับคุณประโยชน์และความเสียสละที่ได้เคยสร้างไว้กับประเทศชาติ แตกต่างจากทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่หนึ่ง ทหารผ่านศึกนอกประจำการที่พิการจากการสู้รบ ซึ่งไม่ใด้นำมานับรวมกับจำนวนที่กล่าวไว้ในเบื้องตัน ทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่หนึ่งจะได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดี ผิดกับบัตรชั้นสอง สาม สี่ ที่มีความเป็นอยู่อย่างยากลำบาก ไม่ได้รับการดูแลจากส่วนที่รับผิดซอบเท่าที่ควร มาเป็นเวลายาวนาน เหมือนถูกแยกออกมาเป็นอีกชั้นหนึ่งของสังคม

ทั้ง ๆ ที่ร่วมรบมาด้วยกัน สนามรบเดียวกันเพียงแต่ไม่พิการเท่านั้นเอง แต่กลับมีดวามเป็นอยู่แตกต่างจากบัตรชั้นที่หนึ่งอย่างมาก

ปัญหาที่ทหารผ่านศึกนอกราชการบัตรชั้น สอง สาม สี่ พบเป็นประจำคือ การเบิกเงินค่ารถ 1,000 บาทต่อคนต่อปีนั้น การเบิกแต่ละครั้งต้องเดินทางออกไปเบิกนอกพื้นที่ภูมิลำเนาของตัวเอง จะเบิกในเขตภูมิลำเนาของตัวเองไม่ได้ บางครั้ง เบิกได้ 300 บาทบ้าง 500 บาทบ้าง

บางคนตัดปัญหาไม่เบิกเลยหลายปี ก็มีเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีบางส่วนเท่านั้นที่จะเบิกได้ครบตามจำนวนในแต่ละปี

เงินค่ารักษาพยาบาล 3,500 บาท ต่อหนึ่งครอบครัวทหารผ่านศึกต่อปี ในกรณีภรยา ลูก หรือตัวทหารผ่านศึกเอง ป่วยอยู่ไกลจากโรงบาลทหารผ่านศึกที่มีอยู่เพียงในกรุงเทพฯ ที่เดียวและต้องออกเงินค่ารักษาพยาบาลไปก่อน แล้วจึงนำใบเสร็จมาเบิกกับสำนักงานทหารผ่านศึกคืนได้ 3,500 บาทต่อปี

ซึ่งก็มีปัญหามากมาย เช่น ภรรยาไม่ได้จดทะเบียนสมรส บุตรที่เกิดจากภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ก็ไม่สามารถจะเบิกได้

ทั้งที่รัฐบาลได้จัดเป็นงบประมาณประจำปีในส่วนนี้ไว้แล้วก็ตาม งบประมาณที่รัฐบาลจัดให้ในส่วนนี้จึงเป็นงบประมาณที่แก้ปัญหาได้ตรงตามความเป็นจริงเท่าที่ควร

ทำให้ทหารผ่านศึกนอกราขการเหล่านี้มีความเป็นอยู่อย่างยากลำบาก เนื่องจากทหารผ่านศึกเหล่านี้ส่วนใหญ่มีความรู้น้อย ประกอบกับมีอายุมากขึ้น หลังจากพ้นหน้าที่มาแล้ว จึงไม่มีอาชีพที่ยั่งยืน บางคนรับใช้ชาติมานับสิบ ๆ ปี การที่จะออกมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยมือเปล่า ๆ นั้นเป็นเรื่องยากมาก จึงพบเห็นได้เป็นประจำว่า ทหารผ่านศึกนอนตายใด้สะพานลอยบ้าง เดินเหม่อลอยเก็บขยะขายบ้าง บางครั้งเจ็บป่วย เงินจะซื้อยากินไม่มี พี่น้องลูกเมีย ไม่ต้องการ กลายเป็นคนเร่ร่อนไร้จุดหมายของชีวิต

บางครั้งตายยังไม่มีเงินทำศพ เพื่อนๆต้องช่วยกันเรียไรช่วยกันไป แม้องค์การสงเตราะห์ทหารผ่านศึกจะมีค่าทำศพให้คนละ 15,000 บาท ต่อคนเมื่อตาย แต่ส่วนมากจะไม่ได้เบิกเพราะลูกเมียก็ไม่รู้ถึงสีทธิเหล่านั้น

ทำให้ทหารผ่านศึกเหล่านี้มีความเป็นอยู่อย่างยากลำบากมาเป็นเวลานาน ไม่สมกับคำที่ว่าทหารผ่านศึก เป็นผู้มีเกียรติ เพราะเป็นผู้ที่เสียสละเพื่อชาติบ้านเมืองโดยแท้

ปัจจุบันสังคมที่เปลี่ยนไป ตลอดจนค่าครองชีพได้ถีบตัวเองสูงขึ้น ทำให้ความเป็นอยู่ยิ่งยากลำบากมากขึ้นไปอีก จากเหตุผล ที่ได้กล่าวมาข้างต้น นั้นจึงใคร่ขอความอนุเคราะห์ ขอค่าครองชีพระยะสั้นเงิน(เงินค่ารถ) คนละ 1,000 บาทต่อคนต่อปี และเงินด่ารักษาพยาบาลปีละ 3,500 บาทต่อครอบครัว นำมารวมกันจะได้เงินจำนวนหนึ่ง ยังขาดอยู่เท่าไรจึงขอรับการสนับสนุนเงินงบประมาณจากรัฐบาล เสนอให้ตัดยอดทหารผ่านศึกที่มีบำนาญ และทหารผ่านศึกนอกราชการที่พิการภายหลังที่พ้นหน้าที่มาแล้วออก เพราะในส่วนนี้จะได้รับการช่วยเหลือจากองค์การทหารผ่านศึกคนละ 3,500 บาทต่อเดือน

ภาพ – วิชาญ โพธิ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง