จุดเริ่มต้นเส้นทางสายอาชีพ พระเอกลิเกเงินล้าน แบงค์-ศรราม น้ำเพชร จากที่ไม่เคยจะยึด ลิเก เป็นอาชีพ ในปัจจุบันลิเกได้เป็นวัฒนธรรมที่เขารักและสร้างความมั่นคงมีรายได้ถึง 8 หลักต่อเดือน และเขายังต้องการที่จะเผยแพร่วัฒนธรรมนี้ออกไปให้ชาวโลกได้รู้จักมากขึ้นด้วย กว่าที่จะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้แบงค์เองก็ผ่านความผิดพลาดมาไม่น้อย
แบงค์คือแรงบันดาลใจให้พ่อตั้งคณะลิเกเด็ก
ครอบครัวแบงค์คือครอบครัวลิเกเลย แม่แสดงลิเกอยู่แล้ว คุณพ่อเป็นคนอ่างทอง คุณแม่เป็นคนอยุธยา และเท่าที่จำความได้แบงค์เริ่มรู้จักลิเกตั้งแต่อนุบาลหนึ่ง พอตอนอายุได้ประมาณ 4 ขวบ คุณแม่เริ่มชวนแบงค์เล่นลิเก แบงค์ไม่เล่นลิเกหน่อยเหรอ ได้ตังค์ด้วยนะ ตอนนั้นเราก็เล่นตัวนิดนึงว่าจะเล่นดีไหมนะ แต่ในใจก็สนใจนะเพราะได้เงิน ต่อมาก็ตัดสินใจออกไปเล่นลิเก ตอนแรกบทนิดเดียวเองแค่แนะนำตัว แต่มันเหมือนเป็นการได้ปลดล็อค คุณพ่อเล่าว่า เขาไปนั่งหน้าเวทีแล้วมองมาก็เห็นอะไรบางอย่างในตัวแบงค์ เค้าก็เลยมีแรงบันดาลใจที่อยากจะก่อตั้งคณะลิเก เป็นคณะลิเกเด็ก ศรราม น้ำเพชร
จริงๆ มีเรื่องราวก่อนหน้านี้ คือคุณแม่ดวงแก้ว เป็นนางเอกลิเกที่มีชื่อเสียงมาก่อน แต่พอแต่งงานกับคุณพ่อ ก็ลงข่าวหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง ทำให้เรตติ้งตก ช่วงนั้นครอบครัวอยู่ที่ศูนย์เลยครับ คุณแม่ไม่มีงานแสดง ร้องไห้เสียใจ หาวิธี หาทางออก จนพี่ “เอ-ไชยา มิตรชัย” ชวนคุณพ่อคุณแม่ของแบงค์ไปแสดงลิเกด้วย และช่วงนั้นคุณพ่อก็เหมือนตั้งหลักได้ด้วย คุณพ่อเลยเกิดแรงบันดาลใจว่า เอ๊ะ! ตั้งคณะลิเกแล้วกัน ไปกู้หนี้ ยืมสินมาในการตั้งคณะ บังเอิญว่าโชคดีโชคเข้าข้าง ตั้งแต่วันที่ตั้งคณะแบงค์อายุ 7 ขวบ จนถึงปัจจุบัน ก็ประสบความสำเร็จมาโดยตลอด
ตั้งแต่เริ่มแสดง รางวัลและค่าตัวให้พ่อเก็บ
ตอนนั้นยังเป็นเด็ก ยังไม่รู้ความต้องการ ว่าเราต้องเจอกับอะไรบ้าง ก็มีไปเที่ยวโน้นนี่บ้างแต่ก็ไม่ได้ใช้อะไรเยอะ จนมาเริ่มขอค่าตัว แต่ก็ยังผิดพลาดเรื่องการจัดการเรื่องเงินอยู่ จนคุณพ่อกังวลว่าลูกชายจะไม่มีเงินเก็บ เลยทำให้เป็นภูมิให้แบงค์ถึงปัจจุบันนี้ว่า เราต้องคิดให้มากแล้วนะ เราจะทำอะไร จะหยิบจับอะไร
ลิเก ไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ/ ได้บทเรียนจากความผิดพลาดของตัวเอง
เราไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เราต้องหาหนทาง ช่องทางเอาเอง
แต่แบงค์คิดว่าทีมแบงค์มีหลายชีวิต ถ้าเราต้องไปแสดงที่ต่างประเทศ แบงค์อยากให้ทุกคนได้ไปด้วยกัน มีเป้าหมายเดียวกันคือ เอาวัฒนธรรมไปเผยแพร่ให้ฝรั่งได้ดู ได้ใกล้ชิด
แบงค์จึงอยากเอาคณะลิเกไปแสดงอเมริกา คืออยากให้คนไทยอยู่ต่างประเทศได้ดู อยากให้ฝรั่งได้รู้จักลิเก แบงค์ก็หาทางติดต่อเองเลยว่า ใครบ้างที่จะสามารถติดต่อเรื่องนี้ได้ ไม่ปรึกษาผู้ใหญ่ด้วย ค่าเช่าฮอลล์ เจ็ดแสน ถ้างั้นแบงค์โอนมาให้พี่เลยก้อนแรก 350,000 แบงค์ก็บอกได้เลยครับพี่ ก็โอนไป สุดท้ายโปนเจกค์นี้ก็ไม่ได้ทำ คนนั้นก็หายไปเลย พร้อมกับเงิน 700,000 บาท ในปีเดียวกันอีก ที่ไปทัวร์เยอรมัน ก็โอนเงินไปราวๆ 700,000 อีกเช่นกัน รวมๆ แล้วเสียไปหลายล้าน คือหลายครั้ง แต่เคยได้ยินไหมครับ
เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือพระเอกลิเก
ทำให้เราคิดได้ว่าใจร้อนเกินไปไม่ดี การที่ไม่ปรึกษาผู้ใหญ่เลยมันเป็นผลเสียอย่างรุนแรงเลย
เสน่ห์ของลิเก
เสน่ห์ของลิเกคือการแต่งกาย คือทุกคนมองมาจะรู้เลยว่า นี่พระเอกลิเก นางเอกลิเก การแต่งกายที่มีสีสันสวยงาม มีคริสตัลแบบวิบวับ การแต่งหน้าที่เข้ม ปากแดง แก้มแดง คิวหน้า ตาคม ไม่ใช่แค่เพียงการแต่งงาน ลิเกเรายังมีทั้ง การรำ การร้อง การแสดง สามศาสตร์ที่รวมกันอยู่ในคำว่าลิเก และลิเก สามารถรับวัฒนธรรมอื่นๆ เข้ามาประยุกต์ให้อยู่ในการโชว์ของลิเกได้
ลิเกกับเทคโนโลยี โปรเจคก์ที่จะทำ
เพื่อรักษาลิเกให้คงอยู่มีการปรับให้เข้ากับยุคสมัย ด้วยการใช้ลิเกเทคโนโลยี ซึ่งเป็นโปรเจคก์อันใกล้นี้ที่จะทำ เช่น อย่างฉากนึงที่เราอยู่ในท้องพระโรงปัจจุบันเราใช้ฉากเป็นผ้า แต่ในอนาคตเราอาจจะนั่งอยู่ในท้องพระโรงที่มันโอ่โถงมาก มองไปสุดลูกหูลูกตาเลย และเป้าหมายของแบงค์ตอนนี้คือ ทั้งโขน มโนราห์ ได้จดทะเบียนแล้ว เหลือลิเกที่ยังไม่ได้จดทะเบียน
เกิดมาเพื่อเป็นลิเก ไม่เคยคิดเลยว่าจะทิ้งลิเก
สูญเสียคุณพ่อที่เป็นที่รักมากที่สุด แต่ชีวิตผมไม่เป๋ไปเลย เพราะตอนที่คุณพ่ออยู่เขาชัดเจนว่าเค้ารักลิเก เค้ารักทุกคน และเค้าก็กลัวมากว่าแบงค์จะทิ้งลิเก บอกเลยว่า แบงค์ไม่เคยคิดที่จะทิ้งลิเก คำสอนทุกอย่าง ที่คุณพ่อคอยบ่นๆ ว่าๆ แต่จริงๆ แล้วเค้าไปชมแบงค์กับเพื่อนๆ ไปพูดกับคุณแม่ ว่าลูกมันเก่ง มันทำได้ แบงค์รู้สึกว่าพอคุณพ่อไม่อยู่แบงค์มีแพชชั่นมากขึ้น
ทุกครั้งที่แสดงทำเต็มที่มากขึ้น เรารูัสึกว่าจะทำให้เต็มที่ที่สุด เราคงเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ
ผู้บริหารคณะลิเก กับรายได้ 8 หลัก
ตอนนี้แสดงกลับมาเป็นปกติ ทุกอย่างก็ราบรื่นเป็นไปได้ด้วยดี ปัญหาเศรษฐกิจอาจจะมีกระทบบ้างนิดหน่อย ค่าใช้จ่ายต่อเดือนก็เอาเรื่องอยู่ประมาณ 7 หลัก รายได้ประมาณ 8 หลัก ที่เราเอามากระจายและจ่ายให้ทีมงานทั้งหมด
สิ่งที่สนุกที่สุดตอนอยู่ในคณะลิเก
ได้เห็นคนดู ชาวบ้านมาดู เห็นแฟนคลับ รู้สึกได้ถึงการได้รับกำลังใจ มีความสุขมากๆ ที่ทุกคนตั้งใจมาดูคณะศรราม น้ำเพชร เราได้โชว์ ได้มอบความสุขให้ทุกคนที่ได้มานั่งดู เวลาอากาศร้อนก็เหนื่อย เพลียมาก เหนียวตัวมาก แต่พอเราจบงานตรงนั้น ความเหนื่อย ความร้อนมันหายไปละ มันเป็นแค่ความรู้สึกแค่ชั่วขณะเท่านั้นเอง
มุมมองความรัก
แบงค์ให้ความรักมาเป็นที่สอง ที่หนึ่งคือเรื่องงาน เคยมีครั้งหนึ่งความรักไม่ดีเลย มันกระทบกับงานมาก เครียดมาก ออกไปหน้าเวที สวัสดีคนดูแล้วเงยหน้ามาแล้วมองคนดู เรารู้สึกว่า เอ๊ะเค้ามาดูอะไรกัน แล้ววันนั้นก็รู้สึกไม่มีสมาธิในการทำอะไร จนมาคุยกับตัวเองว่า ไม่ได้ละ ต่อไปงานคือที่หนึ่งนะ
ความรักถ้ามันไม่เจอหรือยังไม่ถึงเวลาเนี่ยก็ไม่ต้องไขว่คว้าหรือไปมองหาจนเกินไป เอาไว้แบบเจอที่ถึงเวลามาเอง และถ้ามันดีงานเราก็จะดีไปด้วย
ความสุขของแบงค์คือลิเก แม่ยกเหมือนครอบครัว
ตอนนี้ความสุขของแบงค์คือ การได้แสดงลิเก เป็นคนหนึ่งที่ได้อนุรักษ์ลิเก แบงค์เชื่อว่าทุกวันนี้ที่แบงค์ได้ไปแสดงแต่ละที่เหมือนเป็นการได้อนุรักษ์ บอกต่อ เผยแพร่วัฒนธรรมไปในตัว
สิ่งสำคัญมากๆ ถ้าไม่มีแฟนคลับที่คอยสนับสนุนให้กำลังใจก็จะไม่มีศรรามอย่างเช่นทุกวันนี้ เพราะทุกครั้งที่เจอเรื่องบั่นทอน กำลังใจก็คือสิ่งสำคัญมากๆ
อนาคตไม่คิดแยกเดี่ยว
แบงค์ไม่เคยคิดจะแยกออกไปฉายเดี่ยวเมื่อไรที่เราโฟกัสตัวเราคนเดียว ตรงส่วนรวมก็จะโดนลดความสำคัญลง แบงค์มองว่าส่วนรวมสำคัญที่สุด แบงค์พาทุกคนไปด้วยกันได้ทุกที่บนเรือลำนี้ อยู่ที่ว่าทุกคนเหนื่อยหรือยังพอหรือยัง คือพอเมื่อไรก็บอกเรา
อนาคตก็มองไว้ว่า แบงค์อาจจะเป็นผู้บริหารที่ทำอะไรหลายๆ อย่างที่อยากจะทำ โดยที่ทำแล้วมีเป้าหมายชัดเจน และยังบริหารลิเกอยู่หือไม่ก็ไปอยู่ในจุดที่คุณพ่อเคยอยู่
ในฐานะคนรุ่นใหม่อยากบอกอะไรเกี่ยวกับลิเก
แบงค์ฝากกับวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ ทุกคน เพราะว่าลิเกสามารถกลับมาได้ก็เพราะเยาวชนอย่างแบงค์ จงมองว่าอาชีพลิเกเนี่ยเป็นอาชีพที่สุจริต มันมีเสน่ห์มากๆ ถ้าหากว่าเราได้สัมผัส ลองเปิดใจ รับชม และเข้าถึง เสน่ห์ของลิเกเหมือนกับดูหนังเรืองนึงแต่มันมีรากเหง้าความเป็นไทยของเราอยู่ ภาษา การร้อง การรำ ลิเกจะแสดงไม่ได้ถ้าไม่มีดนตรีปี่พาทย์คอยบรรเลงให้เราแสดง ลิเกคือวัฒนธรรมของไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก