“นุศรา ต้อมคำ” อดีตนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย กับตำแหน่ง มือเซตอันดับหนึ่งของโลก เธอคือหนึ่งในนักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยที่ได้เล่นวอลเลย์บอลหญิงอาชีพในต่างประเทศ ฝีมือการเล่นโดดเด่นได้ไปแข่งขันในระดับโลกหลายรายการ อาทิ เวิลด์กรังด์ปรีซ์ เวิลด์แชมเปี้ยนชิพ เวิลด์คัพ บทสัมภาษณ์เส้นทางการเป็นนักกีฬาขึ้นแท่นระดับโลก จากที่ไม่ได้มีใจรักในกีฬาประเภทนี้จนประสบความสำเร็จสูงสุดและถึงวันที่ตัดสินใจวางมือจากเส้นทางนี้ เผยตัวตนอีกด้านนอกจากในสนามลงแข่ง
ตอนแรกไม่ได้รักการเล่นกีฬา ไม่เคยคิดว่าจะยึดวอลเลย์บอลเป็นอาชีพ
เริ่มตั้งแต่ช่วงประถม ไม่ได้คิดว่าเราจะรักกีฬา เพราะมันเหนื่อยด้วยร้อนด้วย เป็นเด็กเราก็อยากนอนดูการ์ตูนที่บ้านมากกว่าไปซ้อม ตอนนั้นยังไม่รู้สึกว่ารัก คือเป็นกีฬาที่พี่สาวเล่นตั้งแต่แรก โรงเรียนสนับสนุนกีฬาด้วยเราก็เลยได้ไปเล่นวอลเลย์ตั้งแต่เด็กๆ
ตอนนั้นจริงๆ ชอบเล่นปิงปองมากกว่า แต่พอได้มาลองเล่นวอลเลย์บอลก็รู้สึกว่าเออมันดีนะ มีโอกาสได้เรียนตอนมัธยมด้วย มัธยมปลายได้เรียนฟรีในกรุงเทพฯ เลยรู้สึกว่าเห้ยมันดีนะ แค่นั้นเลย
ม. ปลาย เริ่มคิดแล้วว่าเราต้องมา Professional ด้านนี้
คือพอเราได้เล่นวอลเล่ย์ และเรียนฟรีตอน ม.ปลาย แล้ว เราก็เริ่มคิดแล้วว่า ถ้าเราเล่นต่อเราก็ได้เรียนมหาลัยฟรีนะ (หัวเราะ) ก็เลยแบบเราเล่นวอลเล่บอลดีกว่า คือตอนนั้นคิดว่าเล่นวอลเลย์บอล
1.ได้ไปกรุงเทพนะ 2. ได้เล่นวอลเลย์บอลฟรี 3.ได้เรียนมหาลัยต่อฟรี และก็คิดว่าถ้าเรียนจบมหาลัยดีๆ ก็อาจจะได้งานทำที่ดีด้วย
แต่ก่อนที่จะเรียนจบ เราได้ไปเล่นอาชีพก่อน ตอนนั้นกำลังจะขึ้นปี 2 เราก็ได้ไปเล่นอาชีพที่ต่างประเทศ เริ่มใจรักตั้งแต่ตอนนั้น คือรู้สึกว่าเล่นวอลเล่ย์บอลมันก็ดีนะ
ประเทศแรกที่ไป สเปน และก็สวิชเซอร์แลนด์ สวยมาก ตอนนั้นยังเรียนไม่จบ และรู้สึกอยากอยู่ที่นั่นจัง อยากทำงานอยากแต่งงานที่นั่น และก็ไปประเทศอาเซอร์ไบจาน ตอนแรกไม่รู้จักประเทศนี้เลย ทำให้เราไปศึกษา ก็รู้ว่าประเทศนี้มีลีกด้วยเหรอพอได้เห็นว่าซุปเปอร์สตาร์ของแต่ละประเทศรวมตัวกันที่นั่นทำให้อยากไปเล่นด้วยเลย ต้องบอกว่าตอนนั้นประเทศเค้าต้นทุนสูงมาก เค้าสามารถกว้านซื้อนักกีฬาระดับโลกมาเล่นที่นี่ ทำให้เราตัดสินใจไปเล่น โดยรวมๆ แล้วในชีวิตที่ผ่านมา ไปมาทั้งหมด 30-40 ประเทศ ชอบสวิชเซอร์แลนด์มากที่สุด คือสวยมาก ตอนนั้นไปอยู่ 2 ปี ก็เลยได้ไปเที่ยวทั่วยุโรป ก็มีแพลนอยากจะกลับไปอีกนะ
ลีกล่าสุด อเมริกา ต้องแข่งขันเพื่อตัวเองมากกว่าทีม
ถ้าเป็นลีกทั่วไป เราจะรู้เลยว่าเค้าจัดแข่งขันมาเพื่อชิงถ้วยนะ แต่ลีกอเมริกาเค้าจัดแข่งขันมาเพื่อบุคคล ซึ่งคุณจะต้องแข่งขันเพื่อตัวคุณเองมากกว่าทีม จะยากตรงที่ว่าทุกๆ สัปดาห์ จะต้องเปลี่ยนตัวผู้เล่น ซึ่งน้อยมากที่สัปดาห์ต่อไปเราจะอยู่ทีมเดียวกับเพื่อนร่วมทีม หัวใจสำคัญของการปรับตัวคือ เราเป็นคนช่างสังเกตคน เราเป็นตัวเซ็ต เราจะต้องสังเกตคนแล้วว่า คนนี้ชอบตีบอลลักษณะแบบไหน จำรายละเอียดของแต่ละบุคคลให้ได้มาก
ความกดดันกับการ เป็น Top5 MVP
ไม่ได้รู้สึกกดดัน เพราะไม่ได้หวังว่าจะต้องเป็น MVP (Most Valuable Player) หรือ ซุปตาร์ ณ ตอนนั้นที่เราเล่นเราคิดว่า เราต้องทำทักษะของเราให้ดี ทำยังไงถึงจะช่วยเพื่อนร่วมทีมได้
เราไม่ใช่ตัวทำคะแนน แต่เราสามารถทำให้เพื่อนทำคะแนนได้ เพื่อให้ทีมประสบความสำเร็จ
โดยแย่งตัวทุกวีค
คิดว่าเป็นเพราะบุคลิกเราด้วย ที่ค่อนข้างปรับตัวให้เร็ว เพื่อจะได้เข้ากับเพื่อนได้ทุกคน เราจะต้องเข้าใจและเอาทักษะความสามารถตรงนั้นมาใช้เลย โดยไม่มีเวลาทดลอง ส่วนหนึ่งคิดว่ามีประสบการณ์จากการเล่นวอลเลย์บอลมาหลายประเทศทั่วโลก คือในทุกที่นักกีฬาแต่ละคนแต่ละประเทศก็จะไม่เหมือนกัน ทีมก็จะไม่เหมือนกัน ทำให้เราต้องไปเรียนรู้ พัฒนาตัวเราด้วย เราต้องสามารถเล่นกับใครก็ได้
ความภาคภูมิใจในการเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอล
ไม่เคยคิดเลยว่าเราจะมายืนถึงจุดนี้ ทำให้เรามีโอกาสได้ไปเรียนรู้ในโลกกว้าง รู้สึกว่าการที่เราทุ่มเทเสียสละเล่นวอลเลย์บอลเพื่อชาติ ทำให้มีคนสนับสนุนเรามากมาย มีแฟนคลับคอยซัพพอร์ตเรา ทำให้รู้สึกว่าภูมิใจ คุ้มค่ากับที่ทนเหนื่อยมา
ฉายา 7 เซียน
แฟนๆ ตั้งให้ ตั้งแต่เริ่มเล่นกีฬาทีมชาติ เล่นกันตั้งแต่เริ่มต้นจนเลิกเล่นพร้อมกัน คนก็จะเห็นว่า 7 คนนี้อีกแล้ว แข่งแล้วที่ได้แชมป์ มันก็เลยเป็นภาพที่เขาจดจำเราว่า เฮ้ยมัน 7 เซียนอ่า! วอลเลย์บอลต้องจำเค้านะในยุคนี้
เวลา คือสิ่งที่รู้สึกว่าขาดไป
ช่วงเวลาที่ได้ไปเล่นที่ต่างประเทศ 12 เดือนเลย ที่เราอยู่กับวอลเลย์บอล ไม่มีโอกาสได้พักเหมือนกับคนอื่นๆ ทั่วไป และก็มีหลายอย่างที่เราอยากจะทำแต่ไม่ได้ทำ เช่น หนึ่งเลยในช่วงเวลาที่เราเป็นวัยรุ่นเราอยากจะแบ่งเวลาให้กับส่วนตัวเพื่อจะไปสังสรรค์ปาร์ตี้ จริงๆ เพื่อนข้างนอกแทบจะไม่มีเลยนอกจากเพื่อนในวอลเลย์บอล ซึ่งเวลาส่วนตัวเราอยากจะไปโน่นไปนี่อยากจะพาพ่อแม่ไปเที่ยว คือน้อยมากเราไม่มีเวลาให้ครอบครัวเรา ไม่มีเวลาส่วนตัว ไม่มีเวลาให้คนสนิท
วางแผนชีวิตยังไง เมื่อถึงวันหมดอายุการเป็นนักกีฬา
เราวางเป้าหมายก่อนเลย ว่าเราอยากเล่นถึงจุดไหนก่อน คือเราตั้งเป้าหมายแค่ว่า ในตอนนั้นคิดว่า วันนึงถ้าเราได้ไปโอลิมปิกเราจะเลิกเล่น และก็คิดถ้าเราเลิกเล่นจะไปทำอะไร เราก็ต้องแต่งงานนะ มีครอบครัวนะ (หัวเราะ) สถานะตอนนี้หัวใจยังสีขาวอยู่ ก็มีคนคุยๆ จริงๆ ก็มีแพลนตลอด แต่ด้วยเวลาที่มันไม่เอื้อเลย ก็เลยเรื่อยๆ ไปก่อน ตอนนี้ก็เหมือนจะมีเวลาแต่เรายังไม่รู้ว่าเราจะอยู่ตรงไหนเลย
ความเข้าใจ = ความสัมพันธ์เวิร์ค
เป็นคนไม่มีสเปคเลยอาจจะถูกใจมากกว่า แต่ถ้าชอบแบบไหนคือ เราชอบคนสูง อาจจะต้องเป็นคนที่มีความเป็นผู้ใหญกว่าเรา สุขุมหน่อย พูดคุยรู้เรื่องและก็ต้องเข้าใจเราอะ ว่าเราเป็นคนที่ไม่ได้อยู่นิ่ง เราเป็นคนทำงาน อาจจะต้องให้อิสระในตัวเราในการทำงานและการตัดสินใจ อยากมีชีวิตคู่แบบเป็นคู่คิดอะไรแบบนี้
เราคิดว่า ความเข้าใจ เราเข้าใจเค้า เค้าเข้าใจเรา มันสามารถประคองไปได้ แต่ถ้าวันนึงถ้าความเข้าใจ ความรู้สึกมันหมดลงแล้ว เราก็ต้องเข้าใจและยอมรับมากกว่า
ชีวิตในฝัน – การท่องเที่ยวทำให้ชีวิตมีแพชชั่น
อยากเป็นนักท่องเที่ยว เพราะเราชอบการเดินทางมาก และเราก็อยากจะเป็นนักกิน ท่องเที่ยวก็ไปหาที่กินที่พักอะไรแบบนี้ค่ะ ตอนนี้ไม่ได้วางแพลนอะไร เพราะทำอะไรหลายอย่างนอกจากวอลเลย์บอล ก็ทำโน่นทำนี่ ทำให้เราลืมคิดข้อนี้ไป นอกจากเล่นวอลเลย์บอลแล้ว จริงๆ เราเป็นคนชอบท่องเที่ยว เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เรารู้สึกว่าการท่องเที่ยวมันสนุก ทำให้เราค้นพบอะไรใหม่ๆ ให้มีแรงจูงใจมีแพชชั่นในการทำอะไรสักอย่าง แต่ถ้ากลับมาอยู่กับอะไรเดิมๆ ทำอะไรเดิมๆ เรารู้เลยว่าแพชชั่นเราหมดอ่า เรารู้สึกว่าการที่เราได้เริ่มต้นเดินทาง ได้เห็นอะไรใหม่ๆ ทำให้ชีวิตเราสดชื่นอ่า มันมีอะไรที่น่าค้นหาอีกตั้งเยอะในชีวิต
สงสัยว่าเราเป็นคนชอบเปลี่ยนที่นอนหรือเปล่า เรารู้สึกว่าเราสามารถปรับตัวได้ง่ายกับทุกสถานการณ์ เราก็เลยไม่มีปัญหาในการเปลี่ยนที่อยู่ แต่ว่าเราชอบการใช้ชีวิตที่ต่างประเทศมากกว่า แต่ก็มีคิดถึงบ้าน แต่ก็โทรกันตลอด โชคดีที่ว่า พ่อแม่เรามีพี่สาวคอยดูแลอยู่แล้วเลยไม่ค่อยเป็นห่วงมาก ถามว่าคิดถึงบ้านไหม ก็คิดถึง แต่บ้านก็คือบ้านของเรามันจะกลับมาเมื่อไรก็ได้ แต่โอกาสที่เราจะเดินทางไปต่างประเทศหรือไปไกลๆ ไม่มีมากขนาดนั้น ถ้าทำได้ก็อยากจะไปให้ครบทุกประเทศทั่วโลก
ถ้าทีมชาติให้กลับไปช่วย เราช่วยได้นะ เราต้องมองถึงอนาคตข้างหน้าว่า มันไม่ใช่เราแล้วอะที่ต้องไปนำทีมแข่งขัน แต่ต้องเป็นคนรุ่นใหม่ๆ ที่เขาทำและสร้างด้วยตัวเอง เราว่ามันถึงเวลาที่น้องๆ ทุกคนรุ่นใหม่ๆ ต้องไปเผชิญและไปสร้างศักยภาพเพื่อไปโชว์ให้ชาวโลกเค้ารู้ด้วยตัวเค้าเองแล้ว
เดินทางตามความฝัน อาจจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ได้
ความฝันในวัยเด็ก ฝันวันต่อวัน ไม่ได้ตั้งความฝันที่มันจะใหญ่มาก แล้วด้วยโอกาสที่มีเข้ามา ต้องบอกเลยว่าเราคว้าทุกโอกาสเลยจริงๆ บางคนไม่กล้าที่จะคว้าโอกาส เลยทำให้ฝันไม่เป็นจริงสักที
เราอยากบอกทุกคนว่า
ถ้าคุณมีความฝันนะ ตั้งความฝันให้ใหญ่มากๆ และคุณก็เดินทางไปเลยว่าความฝันคุณอยู่ที่ตรงไหน คุณเดินทางไปให้ถึง แล้วอย่าหยุด อาจจะสำเร็จก็ได้หรืออาจจะไม่สำเร็จก็ได้ แต่ว่าระยะทางที่คุณเดินไป คุณจะได้ประสบการณ์และการเรียนรู้กลับมาแน่นอน ฝันให้ไกลแล้วก็ไปให้ถึง