นายกฯสั่งลงโทษขั้นสูงสุดหากพบครูทำผิดร้ายแรง ขณะกมว.มีมติพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูทันทีที่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิด หลังเกิดเหตุครูสังคมจังหวัดสุรินทร์ทำอนาจารเด็กม.3
ล่าสุดนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ดำเนินการกับข้าราชการที่ทำผิดวินัยและจริยธรรมร้ายแรงอย่างถึงที่สุด โดยนางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ข้าราชการที่ทำผิดกรณีชู้สาว ล่วงละเมิดทางเพศ หรือคุกคามาทงเพศ ออกจากราชการไว้ก่อน หากพบทำผิดหรือมีหลักฐานเพียงพอ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการสอบสวน
ด้านคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพครู (กมว.) มีมติให้พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูหรือผู้บริหารทันทีที่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนการกระทำผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ ซึ่งการพักใบอนุญาต ไม่ได้ใช้กับเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศเท่านั้น แต่ยังใช้กรณีที่พบความผิดอื่น ทั้งเรื่องยาเสพติด และทุจริตคอร์รัปชั่นด้วย เพราะทั้งหมดถือเป็นความผิดร้ายแรงเช่นกัน สามารถเพิกถอนหรือพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพได้ ขึ้นอยู่กับผลการสอบสวนตามความรุนแรงของการกระทำความผิด
นายกรัฐมนตรียังกำหนดให้เรื่องนี้ เป็นวาระที่ทุกฝ่ายต้องทำงานร่วมกัน โดยให้วางแนวทางป้องกันและแก้ปัญหา หากพบผู้กระทำผิดต้องเร่งย้ายออกจากพื้นที่ และสอบสวนโดยเร็ว ถ้ามีความผิดจริงให้ลงโทษขั้นสูงสุด คือไล่ออกจากราชการ ขณะที่ผู้บังคับบัญชาก็ต้องมีโทษ ละเลยการปฏิบัติตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการด้วย
ส่วนกรณีครูสอนวิชาสังคมศึกษา โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์มีพฤติกรรมทำอนาจารนักเรียน ม.3นั้น กระทรวงศึกษาธิการได้สั่งการเร่งให้หน่วยงานในสังกัดเยียวยาเด็กร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด รวมทั้งมีคำสั่งให้ครูรายดังกล่าวออกจากราชการไว้ก่อน จนกว่าจะสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วเสร็จ หากพบว่าผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด