คัดลอก URL แล้ว
ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารของบันยันทรี ชี้ Phuket Sandbox เป็นตำนานที่น่าจดจำ และเป็นสิ่งที่ประเทศต่างๆ ในเอเชียต้องทำตาม

ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารของบันยันทรี ชี้ Phuket Sandbox เป็นตำนานที่น่าจดจำ และเป็นสิ่งที่ประเทศต่างๆ ในเอเชียต้องทำตาม

Ho Kwon Ping เป็นผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารของ Banyan Tree Holdings ได้กล่าวถึงโครงการ Phuket Tourism Sandbox ไว้เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่าน ระบุว่า

ก่อนอื่น ให้ผมพูดก่อนว่าผมอยากจะอยู่ที่นี่ แต่ผมไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้เพราะผมเป็นผู้รับผลประโยชน์จาก Phuket Sandbox

ผมมาจากสิงคโปร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วและเดินทางเข้าภูเก็ตได้สะดวกอย่างไม่น่าเชื่อ และมีเวลาที่ดีๆในขณะที่พำนักอยู่ในภูเก็ต แต่คุณรู้ไหม ถึงเวลาต้องกลับบ้านแล้ว แต่ผมคิดว่า Sandbox ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่สำคัญสำหรับภูเก็ตหรือประเทศไทยเท่านั้น ทุกที่ที่ผมไป และทุกคนที่ผมได้พูดคุยด้วย ได้พูดคุยถึงเรื่อง Phuket Sandbox ตลอด ผมว่ามันเป็นตัวอย่างระดับตำนานเป็นที่จดจำเลยทีเดียว และเป็นสิ่งที่ประเทศต่างๆในเอเชียต้องทำ และผมเน้นย้ำว่า ถ้าคุณพิจารณาในทางภูมิศาสตร์ ไม่มีที่ใดในภูมิภาคนี้ที่อยู่ระหว่างทางตะวันออกของมัลดีฟเลยไปจนถึงทางตะวันตกของฮาวาย ที่มีการทดลองแบบ Phuket sandbox นี้

นิวซีแลนด์และออสเตรเลียเพิ่งประกาศเลื่อนเวลาจับคู่การเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันออกไปอีก ฮ่องกงและสิงคโปร์ก็ประกาศเลื่อนทำนองเดียวกันออกไปอีกครั้ง ผมคิดว่าคุณคงรู้ว่าคนทั้งโลกกำลังจับตามอง Phuket Sandbox อยู่ ออสเตรเลียอาจต้องการลองนำ Sandbox มาใช้และให้ Tazmania เลียนแบบจังหวัดภูเก็ต เกาะบาหลีกำลังจะเป็นอีก Sandboxหนึ่งสำหรับอินโดนีเซีย รว ทั้งเกาะ Phu Quoc ของเวียดนามและยังที่อื่นๆอีกเป็นต้น

ความสนใจของโลกต่อ Phuket Sandbox ไม่ได้อยู่ที่เพียงเพื่อดูว่าจะมันมีผลต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของภูเก็ตหรือของประเทศไทยอย่างไรเท่านั้น แต่ยังเห็นว่ามันจะเป็นวิธีที่ใช้ได้จริงสำหรับส่วนที่เหลือของทั้งเอเชียที่จะทยอยเปิดขึ้นได้อีกครั้งหนึ่ง และผมคิดว่ามันสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเมื่อถึงเวลานั้นคนในภูเก็ตควรต้องตระหนักว่าพวกเขามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในภารกิจนี้ เวลา 30 วันที่ผ่านมา ผมคิดว่าเราทุกคนมีความสุขจริงๆ ผู้ที่วิจารณ์ในช่วงเริ่มแรกว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้ามานั้นมันต่ำมาก แต่เราทุกคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของภูเก็ตและรัฐบาลกลับมีความยินดีมากกับตัวเลขที่ดูเหมือนน้อย เพราะตั้งแต่เริ่มการระบาดของโควิด19 ผ่านไป 18 เดือนที่ทำให้ภูเก็ตมีอาการใกล้จะโคม่าแล้ว ในที่สุดองคาพยพทั้งหลายก็เริ่มค่อยๆกลับมาเรียนรู้ ฟื้นตัวใหม่อีกครั้ง เพื่อเตรียมทุกอย่างให้พร้อมใช้งาน และมันต้องใช้เวลา ดังนั้นการเริ่มต้นอย่างช้าๆ จึงเป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับภูเก็ต ตัวเลขการติดเชื้อในระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับคนที่เข้ามาท่องเที่ยวจึงเป็นผลในทางบวกสำหรับภูเก็ต

ผมคิดว่าระยะต่อไป ภูเก็ตจะต้องพยายามเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวขึ้น และทำให้แน่ใจว่าเราจะไม่เน้นเฝ้าดูตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันเหมือนที่เราทำอยู่ แต่จะต้องติดตามตัวเลขจำนวนผู้ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลที่มีอาการรุนแรงหรือคนที่รักษาตัวใน ICU มากกว่าที่จะมุ่งเน้นกับจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดที่จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และเราไม่ควรกังวลเรื่องนี้มากเกินไปนัก ผมคิดว่ามีสองเรื่องที่เราควรทำ และเราได้หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเกี่ยวกับแนวทางที่เป็นไปได้ และกระทรวงการต่างประเทศของไทยรวมทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท) ก็ตระหนักดีเช่นกัน อย่างแรกอยู่กับว่าประเทศไทย ในขณะที่ประเทศอื่นๆ กำลังดำเนินการไม่ว่าสิงคโปร์หรือสหราชอาณาจักร ผู้คนเริ่มตระหนักว่าตัวเลขการติดเชื้อและการติดเชื้อซ้ำนั้นไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ อันที่มีความหมายจริงๆ คืออัตราการรักษาในโรงพยาบาลและอัตราการใช้ ICU (คนไข้สีเหลือง สีแดง ใส่ท่อหายใจ) ดังนั้นจังหวัดภูเก็ตและรัฐบาลไทยจะต้องเน้นย้ำตัวเลขใหม่เหล่านี้แทน เหมือนกับที่รัฐบาลสหราชอาณาจักรกำลังเน้นย้ำอยู่ว่า เรื่องสำคัญไม่ใช่ตัวเลขการติดเชื้อ แต่เป็นตัวเลขผู้ที่รักษาอยู่ในโรงพยาบาล ในส่วนนั้น ผมคิดว่ารัฐบาลไทยต้องพยายามเปลี่ยนการนำเสนอเป็นจำนวนคนที่ป่วยแบบมีอาการจริงๆ ไม่ใช่ “ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากนี้ไปเป็นตัวเลขนั้น” เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าส่วนอื่นๆ ของประเทศไทยกำลังมีการระบาดอย่างหนัก โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และอีกหลายจังหวัด ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญจริงๆ คือในสหภาพยุโรป รัฐบาลประเทศต่างๆควรได้รับการกระตุ้นและสนับสนุนจากตัวแทนท่องเที่ยว สื่อ และผู้คนให้ต้องตระหนักว่า มันเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องเลิกเหมารวมภูเก็ตและแยกการพิจารณาภูเก็ตออกจากประเทศไทยเสีย เนื่องจากสถานการณ์ระบาดของไทยยังคงเป็นเขตเตือนภัยสีแดง แต่ภูเก็ตน่าจะต้องเป็นเขตสีเขียว โดยมีตัวอย่างเช่นนี้อยู่แล้วในสหภาพยุโรป เช่นเดนมาร์กและหมู่เกาะแฟโร เป็นต้น ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่สหภาพยุโรปสามารถทำได้และกำลังเริ่มตระหนักถึงอยู่

โลกขณะนี้อาจมีแซนด์บ็อกซ์อื่นๆปรากฏขึ้นอีก และตราบใดที่แซนด์บ็อกซ์นั้นได้รับการจัดระเบียบอย่างดีเช่นเดียวกับภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ นั้นควรได้รับการพิจารณาขั้นความเสี่ยงของการเป็นพื้นที่ระบาดแยกออกจากส่วนอื่นๆ ของประเทศ จึงจะเป็นประโยชน์

ขอบคุณที่มา : นพ.สงวน คุณาพร / ThaiTribune